ศูนย์ข่าวศรีราชา - โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา นำเทคโนโลยีหุ่นยนต์เตรียมหลอดเลือดอัตโนมัติ มูลค่า 12 ล้านบาท เข้ามาใช้ในโรงพยาบาล หลังมีผู้ใช้บริการที่มากขึ้นกว่า 2 พันคนต่อวัน
วันนี้ (17 พ.ค.) ที่อาคารอนุสรณ์ 100 ปี โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ศาสตราจารย์กิตติคุณนายแพทย์ชัยเวช นุชประยูร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ได้เป็นประธานในพิธีเปิดห้องเจาะเลือดรูปแบบใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์เตรียมหลอดอัตโนมัติ BC-ROBO787 (บีซี-โรโบ 787) เพื่อปรับปรุงระบบการบริหารจัดการ สิ่งส่งตรวจให้เป็นระบบอัตโนมัติ สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้เข้ามาใช้บริการเจาะ-ตรวจเลือดที่โรงพยาบาลกว่า 2 พันคนต่อวัน ให้มีความรวดเร็ว และแม่นยำมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งยังได้รับการบริจาคเงินจากบริษัท พี ซี แอล โฮลดิ้ง จำกัด โดยนายพิสิษฐ์ วรรณวิทยาภา กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ จำนวน 5 แสนบาท เพื่อใช้ในการปรับปรุงภูมิทัศน์ของห้องเจาะเลือดให้มีความทันสมัย สะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ศาสตราจารย์กิตติคุณนายแพทย์ชัยเวช กล่าวต่อว่า การปรับปรุงห้องเจาะเลือดและนำเอาเทคโนโลยีหุ่นยนต์เตรียมหลอดเลือดอัตโนมัติ BC-ROBO787 มาใช้นั้น เกิดขึ้นเนื่องจาก ในปี พ.ศ.2554 โรงพยาบาลฯ ได้ให้บริการการรักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกเป็นจำนวนเฉลี่ย 2,000 รายต่อวัน ทำให้งานบริการตรวจทางห้องปฏิบัติการมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
จากสถิติผู้มาใช้บริการห้องเจาะเลือดในระหว่างปี 2552-2554 มีผู้ใช้บริการจำนวน 104,949 ราย ทำให้พื้นที่ และบุคลากรมีจำนวนจำกัด ดังนั้น ฝ่ายเวชศาสตร์ชันสูตร จึงได้นำเอาระบบจัดเตรียมหลอดเลือดตัวอย่างโดยอัตโนมัติ หรือหุ่นยนต์เตรียมหลอดเลือดอัตโนมัติ BC-ROBO787 มูลค่า 12 ล้านบาทเข้ามาใช้ในโรงพยาบาล โดยบริษัทพี ซี แอล โฮลดิ้ง จำกัด เป็นผู้ให้ยืมใช้งาน
โดยระบบสามารถเลือกประเภท ชนิด จำนวน ของหลอดเลือดที่ต้องใช้ และติดฉลากบาร์โค้ดที่หลอดเก็บเลือด และลำเลียงไปสู่เจ้าหน้าที่เจาะเลือด โดยระบบสายพานอัตโนมัติช่วยลดปัญหาความผิดพลาดก่อนที่หลอดตัวอย่างจะเข้าสู่ห้องปฏิบัติการ เพื่อให้การจัดการสิ่งส่งตรวจและการตรวจวิเคราะห์มีความถูกต้อง รวดเร็ว ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น และลดความผิดพลาดการติดบาร์โค้ดผิด ลดปัญหาความล่าช้าในขั้นตอนการลงทะเบียน เตรียมหลอดเลือดด้วยมือ การติดฉลากซ้ำซ้อนที่มาจากห้องเจาะเลือด ซึ่งจะสร้างความแน่นอนในการออกผลการตรวจวิเคราะห์ให้แก่ผู้ป่วย และแพทย์ได้