เชียงราย - แกนนำแดงอำมาตย์-ณัฐวุฒิ ขึ้นเชียงราย แดงไพร่หลายกลุ่มร่วมต้อนรับ โวต่อหน้าเวทีพบปะ จนท.กระทรวงเกษตรฯ เดินหน้าดันส่งออกยางให้ได้ 1 ล้านล้านต่อปี แต่บอกแบบไม่ยอมเหนียม “ถ้าทำไม่ได้ จะรับผิดชอบด้วยการทำปีต่อไปจนได้” แถมบอกเฉย น้ำท่วมใหญ่ไทยปีกลาย ไม่ใช่ฝีมืออำมาตย์
วันนี้ (6 พ.ค.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรกรและสหกรณ์ ได้เดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่เชียงราย พบปะกับหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรฯ และประชาชน ณ ศูนย์ส่งเสริมสินค้าหัตถกรรมนางแล ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย
ซึ่งกิจกรรมตรวจราชการของนายณัฐวุฒิ ครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นการจัดให้เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดฯ บรรยายข้อมูลเบื้องต้น ก่อนที่จะเปิดให้นายณัฐวุฒิ ปราศรัยยาวเป็นอันจบพิธี โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้ารับฟังยังมีการจัดให้ตั้งร้านสับปะรด และลิ้นจี่ รวมทั้งมีประชาชนเข้าร่วมจำนวนหนึ่ง และกลุ่มคนเสื้อแดงจากกลุ่ม นปช.เชียงราย 52 นำโดยนายสมสิน สอนดา, กลุ่มชมรมคนรักทักษิณ เชียงราย 49 นำโดยนางมติ แซ่อั้ง เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวรสเยี่ยมเชียงราย-นางเกษนีย์ ชื่นชม รวมทั้งนายธนากร บุญศรี แกนนำกลุ่มต้นกล้าประชาธิปไตยเชียงรายด้วย ซึ่งเมื่อนายณัฐวุฒิ ไปถึงบรรดากลุ่มคนเสื้อแดงต่างไปห้อมล้อมต้อนรับอย่างคึกคัก
นายสุเทพ ทิพย์รัตน์ เกษตรกร จ.เชียงราย กล่าวรายงานว่า เชียงราย มีพื้นที่ทางการเกษตรประมาณ 4.5 ล้านไร่ ส่วนใหญ่เป็นข้าวกว่า 1.5 ล้านไร่ ข้าวโพด มันสำปะหลัง ฯลฯ ส่วนพื้นที่ ต.นางแล ปลูกสับปะรดนางแล และภูแล ลิ้นจี่ ฯลฯ ซึ่งบางชนิดให้ผลผลิตมากจนมีปัญหาเรื่องคุณภาพ
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า หน้าที่ของรัฐบาลคือการส่งเสริม และอำนวยความสะดวกทุกอย่างให้ผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกรมีคุณภาพดี ซึ่งกรณีของสับปะรดนางแล ภูแลนั้น มีคุณภาพดีอยู่แล้ว คงไม่มีปัญหาเรื่องคุณภาพ แต่ที่ผ่านมา การเกษตรประเทศไทยมักมีปัญหาเรื่องการแยกส่วนกันทำ ต่างฝ่ายต่างทำ หรือไม่เข้าใจ หรือไม่ทำงานร่วมกัน โดยหน่วยงานของรัฐ เช่น ฝ่ายส่งเสริมก็ส่งเสริมการปลูกอย่างหนัก ส่วนฝ่ายขายกลับเป็นกระทรวงพาณิชย์ และเมื่อแปรรูป ก็เป็นหน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรม
ดังนั้น รัฐบาลจึงแก้ไขปัญหาด้วยการให้ทุกหน่วยงานทำงานร่วมกันโดยใช้พืชยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจนำร่อง ปัจจุบัน กำลังมีการศึกษาและประชุมเรื่องนี้โดยมีตนเป็นประธาน จากนั้นจะนำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกศึกษาดูงานต่างจังหวัด 2 วัน 1 คืนเพื่อให้ได้ผล และทำให้เกิดตลาดทั้งในจีน อินเดีย สหรัฐฯ และในประเทศ โดยมีเป้านำเงินเข้าประเทศปีละ 1 ล้านล้านบาท จากเดิมปี 2554 ตัวเลขอยู่ที่ 6.8 แสนล้านบาท ซึ่งตนยืนยันว่า จะทำให้ได้ หากทำไม่ได้ก็จะรับผิดชอบด้วยการพยายามทำในปีต่อไปอีกเรื่อยๆ จนได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน มีกระแสเรื่องสินค้าราคาแพง ซึ่งตนยืนยันว่ารัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.54 จากนั้นเกิดน้ำท่วมหนัก เพราะพายุ 4 ลูก ทำให้ท่วมใหญ่รอบ 100 ปี จนส่งผลกระทบมาถึงปัจจุบัน เพราะทำให้แผนงานของรัฐบาลที่จะทำต้องปรับเปลี่ยนงบประมาณกันหมด และภาคอุตสาหกรรมก็ถูกน้ำท่วมจนทำให้สินค้าบางตัวต้องขึ้นราคา แต่เชื่อว่าไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ราคาจะถูกล งและรัฐบาลจะสามารถควบคุมสินค้าบางตัวได้แน่นอน ส่วนการบริหารราชการเมื่อเป็นรัฐบาลก็ต้องเป็นของทั้งสีแดง สีเหลือง หลากสี ฯลฯ
รายงานข่าวแจ้งอีกว่าในช่วงท้าย นายณัฐวุฒิ พยายามพูดถึง นายยงยุทธ ติยะไพรัช นักการเมืองขั้วเดียวกันซึ่งถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีกรณียุบพรรคพลังประชาชนว่า เป็นพี่ชาย และเป็นคนที่มีความสามารถ แต่นายณัฐวุฒิ ไม่หาเสียงใหแก่บนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ภรรยาของนายยงยุทธ ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ซึ่งจะมีการเลือกตั้งวันที่ 27 พ.ค.55 นี้โดยตรง เพียงแต่พูดอ้อมๆ ไปถึงการบริหารท้องถิ่นว่า หากได้ทีมเดียวกับรัฐบาลจะทำให้การประสานงานคล่องตัวขึ้น จากนั้นได้นำคณะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในลักษณะคล้ายกันที่สนามโรงเรียนพานพิทยาคม อ.พาน โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงให้การต้อนรับอีกเช่นเดิม
