บุรีรัมย์ - ธ.ก.ส.บุรีรัมย์จ่ายเงินจำนำข้าวเกษตรกร 1,092 ราย 119 ล้าน จากทั้งหมด 1,184 ราย กว่า 130 ล้าน หลังถูกระงับจ่ายมานานร่วม 3 เดือน เหตุพบความผิดปกติส่อทุจริต ส่วนอีก 92 รายเกษตรกรไม่มายืนยันเป็นเจ้าของข้าว ขณะกรณีเกษตรกรไม่ได้รับใบประทวนจาก อคส. กว่า 500 ราย เป็นเงิน 40 ล้าน ตร.เร่งสอบ พบหลักฐานหลายฝ่ายร่วมทุจริตอื้อ คาดสรุปสำนวนคดีในเร็วๆ นี้
วันนี้ (23 เม.ย.) นายนิยม รัตนเย็นใจ ผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า หลังมีการตรวจพบความผิดปกติส่อทุจริตสวมสิทธิในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 แบบใบประทวน ของรัฐบาลที่ จ.บุรีรัมย์ซึ่งได้สิ้นสุดโครงการฯ ไปแล้วเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ถูกทางคณะกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำข้าว ได้สั่งให้ ธ.ก.ส.ชะลอการจ่ายเงินให้เกษตรกรที่ได้รับใบประทวนจาก องค์การคลังสินค้า (อคส.) แล้วทั้งหมด 1,184 ราย เป็นเงินกว่า 130.1 ล้านบาท มานานร่วม 3 เดือน และมีเกษตรกรอีกกว่า 500 รายที่ยังไม่ได้รับใบประทวนจาก อคส. ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น
ล่าสุดทางคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำข้าวได้ตรวจสอบเอกสาร หลักฐานและคัดกรองเกษตรกรที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำทุจริตแล้ว จึงได้อนุมัติให้ ธ.ก.ส.จ่ายเงินให้เกษตรกรที่ถูกชะลอไปแล้วจำนวน 1,092 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 119 ล้านบาท
ส่วนเกษตรกรที่เหลือในอีก 4 อำเภอ ได้แก่ อ.โนนสุวรรณ อ.นางรอง อ.สตึก และ อ.เมือง จำนวน 92 รายที่ยังชะลอการจ่าย รวมเป็นเงินกว่า 11.9 ล้านบาท เนื่องจากเกษตรกรกลุ่มดังกล่าวยังไม่มาแสดงตัวยืนยันความเป็นเจ้าของข้าว และยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการฯ ถึงความผิดปกติ ซึ่งคาดว่าจะตรวจสอบแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทาง ธ.ก.ส.ได้จ่ายเงินให้เกษตรกร จ.บุรีรัมย์ที่นำข้าวมาจำนำในโครงการฯ แล้วจำนวน 68,785 ราย ปริมาณข้าว 337,800 ตัน รวมเป็นเงินกว่า 6,351.6 ล้านบาท
นายนิยมกล่าวอีกว่า ส่วนเกษตรกรที่นำข้าวไปเข้าร่วมโครงการรับจำนำกว่า 500 ราย เป็นเงินร่วม 40 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้รับใบประทวนจาก อคส. เพื่อนำไปขึ้นเงินต่อ ธ.ก.ส.นั้น เกษตรกรทั้ง 11 อำเภอได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.หนองกี่ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบและสอบปากคำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
รวมทั้งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนพิเศษของกระทรวงพาณิชย์ ประกอบด้วย ดีเอสไอ, ตำรวจกองปราบปราม, ธ.ก.ส. และเจ้าหน้าที่ของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ด้วย หากผลสอบเป็นประการใดขึ้นอยู่ที่ข้อมูลหลักฐาน หรือหลังสอบสวนทั้งกรรมการฯ ของกรมการค้าภายใน และดีเอสไอได้ข้อสรุปแล้วจะให้ทาง ธ.ก.ส.ดำเนินการเช่นไร จะให้จ่ายเงินหรือชะลอ ธ.ก.ส.ก็พร้อมจะที่ปฏิบัติตาม เพราะถือว่ากระบวนการติตามตรวจสอบได้สิ้นสุดแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ อ.หนองกี่ เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งจากท่าข้าวที่เข้าร่วมโครงการฯ, โรงสี รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง พบหลักฐานการทุจริตหลายอย่าง แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เพราะจะทำให้เสียรูปคดี ซึ่งคาดว่าจะสามารถออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำเพิ่มเติม รวมทั้งสามารถสรุปสำนวนคดีได้ในเร็วๆ นี้