xs
xsm
sm
md
lg

ครอบครัว “น้องลูกหมู” ศีรษะบวมโตขอบคุณสื่อ ซาบซึ้งผู้ใจบุญช่วยเหลือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แม่ และ น.ส.หนึ่งฤทัย พลขีดขิน หรือ “น้องลูกหมู”  ชาวจ.บุรีรัมย์ ประสบอุบัติเหตุรถชน ศีรษะบวมโต ฐานะยากจนไร้เงินรักษา ขอบคุณสื่อและผู้ใจบุญทั่วประเทศที่หลั่งไหลช่วยเหลือ วันนี้ ( 22 เม.ย.)
บุรีรัมย์ - ครอบครัว “น้องลูกหมู” ศีรษะบวมโตจากอุบัติเหตุรถชนฐานะยากจนไม่มีเงินรักษา ขอบคุณสื่อ และซาบซึ้งน้ำใจผู้ใจบุญหยิบยื่นความช่วยเหลือ แม่ฝากถึงสามีที่ทิ้งครอบครัวไป ช่วยรับผิดชอบหนี้สินที่สร้างไว้ ขณะ “น้องลูกหมู” มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แต่ยังมีอาการปวดศีรษะและตามร่างกาย เตรียมเข้ารักษาใส่กะโหลกเทียมกับหมอ มธ.ที่ช่วยเหลือ

วันนี้ (22 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี น.ส.หนึ่งฤทัย พลขีดขิน หรือ “น้องลูกหมู” อายุ 18 ปี นักเรียนดีเด่น ชั้น ม.5 โรงเรียนสวายจีกพิทยาคม อยู่บ้านเลขที่ 143 หมู่ 7 บ้านหนองขาม ต.สวายจีก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ประสบอุบัติเหตุรถชนบาดเจ็บสาหัสศีรษะบวมโต คล้ายมีก้อนเนื้องอกออกมาขนาดเกือบเท่าศีรษะเดิม จากการขออนุญาตแม่ไปทำงานกับเพื่อนที่กรุงเทพฯ เพื่อหาเงินช่วยเหลือครอบครัวที่มีฐานะยากจน ต้องนอนอยู่บนเตียงตลอดเวลา เพราะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งนางสังวาลย์ พลขีดขิน อายุ 52 ปี มารดาได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือจากผู้มีใจบุญในการรักษาบุตรสาวให้หายเป็นปกติ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของ “น้องลูกหมู” และได้พบกับ 2 แม่ลูก โดยนางสังวาลย์ ผู้เป็นแม่ กำลังใช้ผ้าชุบน้ำเย็นช่วยเช็ดตัวให้แก่ลูกสาว เนื่องจากสภาพอากาศร้อนอบอ้าว ซึ่งระหว่างเช็ดตัวให้น้องลูกหมู ได้บ่นเจ็บปวดตามร่างกายตลอดเวลา โดยเฉพาะบริเวณศีรษะ ลำตัว และแขน

อย่างไรก็ตาม น้องลูกหมู ดูมีสีหน้ายิ้มแย้ม แจ่มใสขึ้นมากพยายามพูดคุยทักทายกับผู้สื่อข่าวอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับร้องเพลงให้ฟัง แต่พูดมากไม่ได้จะมีอาการเหนื่อยหอบ โดยมีนางสังวาลย์ ผู้เป็นแม่ นั่งอยู่ข้างกายตลอดเวลา

นางสังวาลย์ แม่ของน้องลูกหมู กล่าวว่า ขอขอบคุณสื่อมวลชนที่ได้เผยแพร่ข่าวของลูกสาว จนทำให้ได้มีประชาชนและผู้ใจบุญจากทั่วประเทศ โทรศัพท์ติดต่อมาให้กำลังใจ และขอร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือครอบครัวและลูกสาวตนครั้งนี้ เพราะที่ผ่านมา หลังจากตนออกจากงานมาดูแลลูกก็ไม่มีรายได้อะไรมาจุนเจือครอบครัว มีเพียงลูกชาย และญาติพี่น้องหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ รวมทั้งได้เงินเบี้ยยังชีพคนพิการของน้องลูกหมู เดือนละ 500 บาทเป็นค่าใช้จ่ายเท่านั้น ซึ่งก็ไม่เพียงพอ

แม้บางครั้ง ตนจะมีรายได้จากการไปรับจ้างทำความสะอาดบ้านให้แก่พยาบาลในโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์บ้างในบางวันที่น้องสาวหยุดงาน มาช่วยดูแลน้องลูกหมูแทนแต่ก็เป็นรายได้เพียงน้อยนิดมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว

นางสังวาลย์ กล่าวทั้งน้ำตาพร้อมกับยกมือไหว้ว่า รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของผู้ใจบุญที่มีต่อครอบครัว และลูกสาวของตนเองในครั้งนี้ จนพูดไม่ออก และไม่รู้ว่าตอบแทนพระคุณในน้ำใจทุกคนครั้งนี้อย่างไร พร้อมทั้งยังฝากถึงสามี ที่ขาดการติดต่อไปกว่า 4 ปี อยากให้มาช่วยรับผิดชอบหนี้สินที่ได้สร้างไว้ให้แก่ครอบครัว เป็นเงินกว่า 4 หมื่นบาทที่ยังไม่รู้ว่าตนจะหาเงินที่ไหนมาชดใช้หนี้ให้หมดเมื่อไร

ส่วน “น้องลูกหมู” เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะฝากอะไรไปถึงพ่อ หรือไม่ น้องลูกหมู ได้ส่ายหน้าพร้อมกับบอกว่า ไม่ ก่อนจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมา เป็นภาพที่น่าสะเทือนใจ โดยนางสังวาลย์ บอกว่า ลูกสาวไม่เคยเอ่ยถามถึงพ่อเลย ตั้งแต่ทิ้งพวกเราไป และจะบอกกับตนเสมอว่าไม่เป็นไร น้องลูกหมู จะดูแลแม่เอง

ทั้งนี้ ทุกเดือนนางสังวาลย์ต้องพา “น้องลูกหมู” ไปหาหมอให้ตรวจรักษาอาการอยู่เป็นประจำและได้ยามาทานคลายความเจ็บปวด ส่วนศีรษะที่บวม คงต้องฝากความหวังไว้กับหมอโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ที่จะมารับไปรับรักษาด้วยการใส่กะโหลกเทียมให้ พร้อมกับรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ด้วย
น.ส.หนึ่งฤทัย พลขีดขิน หรือ “น้องลูกหมู”




กำลังโหลดความคิดเห็น