“วิทยา” กำชับคณะทำงานศูนย์บูรณาการประสานการปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ให้เตรียมแผนรองรับขั้นสูงสุด 100 เปอร์เซ็นต์ หากมีปัญหาน้ำท่วม กทม.และ ปริมณฑล
วันนี้ (17 ต.ค.) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางไปที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ปทุมธานี เพื่อตรวจเยี่ยมดูความพร้อมระบบการแพทย์ฉุกเฉิน และระบบการป้องกันน้ำท่วมของโรงพยาบาล หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมขยายวงกว้างขึ้น เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อบริการผู้เจ็บป่วย
นายวิทยา กล่าวว่า ในวันนี้ได้ประชุมคณะทำงานศูนย์บูรณาการประสานการปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉินตอบโต้ภัยพิบัติแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 84 พรรษา หรือศูนย์ดอนเมือง 84 เพื่อวางความพร้อมระบบการดูแล และการส่งต่อผู้ป่วยที่ในพื้นที่น้ำท่วม หากมีปัญหาน้ำท่วมในพื้นกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุขและภาคเอกชน
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ได้กำชับให้คณะทำงานศูนย์ฯเตรียมแผนรองรับขั้นสูงสุด 100 เปอร์เซ็นต์ ให้คำนึงปัญหาการจราจร และการให้ความร่วมมือของประชาชนด้วย ซึ่งเป็นอุปสรรค ทำให้แผนการส่งต่อผู้ป่วยดำเนินการได้ไม่คล่องตัว นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้คณะทำงานศูนย์ฯ ให้ติดตามประเมินทางเดินของน้ำที่จะมีผลกระทบต่อโรงพยาบาล และเส้นทางในการส่งต่อผู้ป่วย เชื่อมโยงออนไลน์ ทันเหตุการณ์กันทุกเช้าเย็น โดยให้บูรณาการทำงานเป็นทีม และใช้ทรัพยากรร่วมกันทั้งเรื่องยานพาหนะ ทางบก ทางเรือ ทางอากาศ รวมทั้งบุคลากร เครื่องมือแพทย์ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
นายวิทยา กล่าวอีกว่า สิ่งที่สำคัญ หากพบว่าโรงพยาบาลใดมีความเสี่ยงจะถูกน้ำท่วม ขอให้เคลื่อนย้ายเครื่องมือทางการแพทย์ โดยเฉพาะเครื่องสำรองไฟ ให้ย้ายขึ้นชั้น 2 ให้ปลอดภัย เพื่อให้ระบบไฟฟ้าในโรงพยาบาลสามารถใช้การต่อไปได้ นอกจากนี้ให้เตรียมบุคลากร เวชภัณฑ์การแพทย์ที่จำเป็น ให้พร้อมสำหรับการปรับบริการภายนอกโรงพยาบาลหากไม่สามารถป้องกันน้ำท่วมได้ และไม่สามารถเปิดบริการได้ โดยอาจจัดบริการเป็นโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับผู้ป่วยที่อาการดีแล้ว แต่กลับบ้านไม่ได้ หรือให้บริการผู้ป่วยที่แพทย์นัดติดตามผลการรักษา รวมทั้งตรวจรักษาผู้ป่วย ทำหน้าที่แทนแผนกผู้ป่วยนอกและฉุกเฉินของโรงพยาบาล
สำหรับผลการปฏิบัติงานของศูนย์ดอนเมือง 84 ตั้งแต่วันที่ 9-17 ตุลาคม 2554 ได้ส่งต่อผู้ป่วยทั้งหมด 547 ราย โดยส่งทางเฮลิคอปเตอร์ 33 ราย ผ่านทางเครื่องบินฝนหลวงหรือคาร์ซาจำนวน 55 ราย โดยรถยนต์ 118 ราย เรือ 342 ราย และยังส่งเวชภัณฑ์ ถุงยังชีพรวมทั้งส่งบุคลากรลงในพื้นที่ที่รถเรือเข้าไม่ถึง 5 เที่ยวบิน
วันนี้ (17 ต.ค.) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางไปที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ปทุมธานี เพื่อตรวจเยี่ยมดูความพร้อมระบบการแพทย์ฉุกเฉิน และระบบการป้องกันน้ำท่วมของโรงพยาบาล หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมขยายวงกว้างขึ้น เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อบริการผู้เจ็บป่วย
นายวิทยา กล่าวว่า ในวันนี้ได้ประชุมคณะทำงานศูนย์บูรณาการประสานการปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉินตอบโต้ภัยพิบัติแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 84 พรรษา หรือศูนย์ดอนเมือง 84 เพื่อวางความพร้อมระบบการดูแล และการส่งต่อผู้ป่วยที่ในพื้นที่น้ำท่วม หากมีปัญหาน้ำท่วมในพื้นกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุขและภาคเอกชน
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ได้กำชับให้คณะทำงานศูนย์ฯเตรียมแผนรองรับขั้นสูงสุด 100 เปอร์เซ็นต์ ให้คำนึงปัญหาการจราจร และการให้ความร่วมมือของประชาชนด้วย ซึ่งเป็นอุปสรรค ทำให้แผนการส่งต่อผู้ป่วยดำเนินการได้ไม่คล่องตัว นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้คณะทำงานศูนย์ฯ ให้ติดตามประเมินทางเดินของน้ำที่จะมีผลกระทบต่อโรงพยาบาล และเส้นทางในการส่งต่อผู้ป่วย เชื่อมโยงออนไลน์ ทันเหตุการณ์กันทุกเช้าเย็น โดยให้บูรณาการทำงานเป็นทีม และใช้ทรัพยากรร่วมกันทั้งเรื่องยานพาหนะ ทางบก ทางเรือ ทางอากาศ รวมทั้งบุคลากร เครื่องมือแพทย์ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
นายวิทยา กล่าวอีกว่า สิ่งที่สำคัญ หากพบว่าโรงพยาบาลใดมีความเสี่ยงจะถูกน้ำท่วม ขอให้เคลื่อนย้ายเครื่องมือทางการแพทย์ โดยเฉพาะเครื่องสำรองไฟ ให้ย้ายขึ้นชั้น 2 ให้ปลอดภัย เพื่อให้ระบบไฟฟ้าในโรงพยาบาลสามารถใช้การต่อไปได้ นอกจากนี้ให้เตรียมบุคลากร เวชภัณฑ์การแพทย์ที่จำเป็น ให้พร้อมสำหรับการปรับบริการภายนอกโรงพยาบาลหากไม่สามารถป้องกันน้ำท่วมได้ และไม่สามารถเปิดบริการได้ โดยอาจจัดบริการเป็นโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับผู้ป่วยที่อาการดีแล้ว แต่กลับบ้านไม่ได้ หรือให้บริการผู้ป่วยที่แพทย์นัดติดตามผลการรักษา รวมทั้งตรวจรักษาผู้ป่วย ทำหน้าที่แทนแผนกผู้ป่วยนอกและฉุกเฉินของโรงพยาบาล
สำหรับผลการปฏิบัติงานของศูนย์ดอนเมือง 84 ตั้งแต่วันที่ 9-17 ตุลาคม 2554 ได้ส่งต่อผู้ป่วยทั้งหมด 547 ราย โดยส่งทางเฮลิคอปเตอร์ 33 ราย ผ่านทางเครื่องบินฝนหลวงหรือคาร์ซาจำนวน 55 ราย โดยรถยนต์ 118 ราย เรือ 342 ราย และยังส่งเวชภัณฑ์ ถุงยังชีพรวมทั้งส่งบุคลากรลงในพื้นที่ที่รถเรือเข้าไม่ถึง 5 เที่ยวบิน
