จับโจ๋ยึดอาชีพใหม่-รับจ้างโยนมือถือเข้าเรือนจำ คาดโยงแก๊งค้ายา

เชียงราย - เจ้าหน้าที่ไล่จับโจ๋เชียงรายได้คาหนังคาเขา พบขว้างมือถือเข้าเรือนจำ 3 เครื่อง สารภาพยึดเป็นอาชีพใหม่แลกเงินเครื่องละหมื่น แถมทำมาแล้วหลายครั้ง ล่าสุดขว้างข้ามกำแพงพร้อมกัน 6 เครื่องเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา

วันนี้ (20 เม.ย.) นายไพโรจน์ พันธ์แก้ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดเชียงราย ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่เรือนจำที่ประจำอยู่ที่หอคอยสังเกตการณ์ว่า ได้พบชายคนหนึ่งกำลังโยนวัตถุข้ามกำแพงเรือนจำใกล้ถนนเลียบกำแพง จึงพร้อมด้วยนายประดิษฐ์ สุภาใส เจ้าหน้าที่สายตรวจเรือนจำ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวน 2 นาย ออกไปตรวจสอบ

พบชาย 1 คน ทราบชื่อต่อมาคือนายนรินทร์ อินทะวงค์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64/50 ม.3 ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงราย สภาพตื่นตกใจและกำลังควบจักรยานยนต์แบบวิบาก ยี่ห้อจีพีเอ็กซ์ รุ่นแอลเอ็กซ์ 140 สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จะออกจากจุดที่เจ้าหน้าที่พบเห็นว่ามีการขว้างวัตถุดังกล่าว

เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าไปจะตรวจสอบ แต่ปรากฏว่านายนรินทร์กลับขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเข้าพุ่งชนจนทำให้เจ้าหน้าที่ต้องโดดหลบ แต่ในที่สุดนายนรินทร์ก็ไม่สามารถหลบหนีไปได้ เพราะรถซึ่งใหญ่ทำให้ควบคุมลำบากได้ล้มเสียหลักอยู่ห่างจากจุดที่จะออกตัวเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จึงกรูเข้าไปควบคุมตัวเอาไว้ได้

สอบถามก็สารภาพว่า เพิ่งจะโยนโทรศัพท์มือถือข้ามกำแพงเข้าไปในเรือนจำ เจ้าหน้าที่จึงส่งกำลังไปตรวจสอบที่แดนผู้ต้องขังแดนที่ 3 ปรากฏว่าพบโทรศัพท์มือถือพร้อมอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่รวมจำนวน 3 เครื่อง โดยแต่ละเครื่องห่อหุ้มด้วยวัสดุกันกระแทกเอาไว้อย่างดีด้วย

เจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อหานายนรินทร์ว่า นำสิ่งของต้องห้ามเข้าไปในเรือนจำโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ รวมทั้งส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงราย ดำเนินคดีตามกฎหมาย

เบื้องต้นนายนรินทร์ให้การว่า ไม่มีอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่ง จึงได้รับจ้างขว้างหรือโยนโทรศัพท์มือถือเข้าไปในเรือนจำจากนายทุนคนหนึ่ง เพื่อแลกกับเงินค่าจ้างเครื่องละ 10,000 บาท โดยไปฝึกขว้างมาอย่างชำนาญและแม่นยำ และเคยทำมาแล้วหลายครั้ง ล่าสุดเพิ่งทำช่วงเทศกาลสงกรานต์วันที่ 13 เมษายน 55 ที่ผ่านมาจำนวน 6 เครื่อง

ด้านนายไพโรจน์กล่าวว่า ช่วงสงกรานต์เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นในเรือนจำและยึดของกลางโทรศัพท์มือถือได้หลายเครื่อง จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเฝ้าระวัง เนื่องจากยังไม่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ กระทั่งมาพบนายนรินทร์ก่อเหตุดังกล่าว คาดว่าคงต้องการนำไปทดแทนโทรศัพท์มือถือที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้ก่อนหน้านี้นั่นเอง

ขณะที่นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย กล่าวว่า เชื่อว่าขบวนการค้ายาเสพติดใช้เรือนจำเป็นสถานที่ในการสั่งการซื้อขายยาโดยมีตัวการใหญ่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจึงมีความพยายามนำโทรศัพท์มือถือไปใช้ในการโทร.สั่งการ ซึ่งที่ผ่านมาก็ปรากฏการจับกุมและตรวจยึดของกลางได้ และผู้ต้องหาสารภาพว่ามีการสั่งจากเรือนจำมาแล้วหลายครั้ง ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ช่วงสงกรานต์เจ้าหน้าที่ตรวจยึดของกลางโทรศัพท์มือถือในเรือนจำได้หลายครั้งรวมจำนวน 11 เครื่อง จึงเชื่อว่าขบวนการค้ายาเสพติดพยายามจะส่งเข้าไปอีก