เชียงราย - ผู้ว่าฯ-ผู้การตำรวจเชียงรายร่วมแถลงโชว์ผลจับกุมแก๊งค้ายาเสพติด 3 รายซ้อน ได้ผู้ต้องหา-ของกลางเพียบ เผยหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหาเป็นพยาบาลซี 7 รพ.ยะลา พบยาบ้าในกระเป๋าเดินทางขณะนั่งรถทัวร์จากเชียงรายเข้ากรุง ส่วนอีกแก๊งเจอรวบ 4 คน พบโทรศัพท์แพกอย่างดีเตรียมโยนเข้าเรือนจำ และคนส่งยานรกลืมทะเบียนคนรับ ถูกจับหลังโยนยาบ้า 6.6 หมื่นเม็ดใส่ท้ายรถตำรวจ
วันนี้ (19 เม.ย.) ที่ห้องดุรงควิบูลย์ ภ.เชียงราย นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย, พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ โทปุญญานนท์ ผบก.ภ.เชียงราย ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ 3 รายซ้อน
โดยรายแรกมีผู้ต้องหา 1 คนชื่อ นายพิษณุ พิมลดำรงเกียรติ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/2 ม.7 ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 66,000 เม็ด รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีเหลืองดำ ทะเบียน ขษง 938 เชียงราย โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ซึ่งการจับกุมมีขึ้นเมื่อตำรวจสืบทราบจะมีการลักลอบขนยาบ้าไปตามถนนพหลโยธินสาย ต.โป่งงาม-ต.ห้วยไคร้ อ.แม่สาย จึงเฝ้าติดตาม
ต่อมาพบนายพิษณุขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไปยังตลาดบ้านห้วยไคร้ ม.7 ต.ห้วยไคร้ ตรงกับที่ได้รับแจ้ง จากนั้นได้นำกระสอบฟางใหญ่ที่บรรทุกรถจักรยานยนต์ไไปโยนใส่หลังรถกระบะของตำรวจที่สะกดรอยตาม ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องแสดงตัวเข้าตรวจสอบทำให้นายพิษณุตกใจถึงกับหน้าถอดสี เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจในกระสอบฟางก็พบยาบ้า 66,000 เม็ดซุกซ่อนอยู่ภายใน
สอบสวนสารภาพว่าได้รับจ้างเป็นเงิน 20,000 บาท ให้นำยาบ้าจากชายแดนไปส่งให้รถยนต์ที่จะไปรับที่ตลาดห้วยไคร้ แต่จำป้ายทะเบียนระหว่างรถของกลุ่มขบวนการที่จะไปรับยาบ้ากับทะเบียนรถของตำรวจที่จอดดักอยู่สับสนจึงถูกจับกุมได้โดยละม่อมดังกล่าว
รายที่สองผู้ต้องหาชื่อนายวิรัตน์ จันต๊ะเนตร อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98 ม.8 ต.ต้า อ.ขุนตาล จ.เชียงราย ซึ่งเป็นอดีตทหารผ่านศึก และ น.ส.ดุษฎี ประดิษฐกุล อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81 ม.2 ต.ไทรทอง อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการหรือระดับซี 7 อยู่ที่โรงพยาบาลยะลา จ.ยะลา
โดยการจับกุมมีขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดตรวจสอบรถบัสโดยสารของบริษัทสมบัติทัวร์ สาย อ.เชียงของ-กรุงเทพฯ บริเวณถนนสายเทิง-เชียงของ ต.ต้า อ.ขุนตาล เมื่อค้นกระเป๋าเดินทางของ น.ส.ดุษฎี ปรากฏว่ามีการทำเป็นรหัสปิดเอาไว้ เมื่อให้เปิดออกดูพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ภายในกระป๋องเมล็ดฟักทองสีขาวจำนวน 1,238 เม็ด จึงจับกุมตัวทั้งคู่เอาไว้ สอบสวนเบื้องต้นนายวิรัตน์สารภาพว่าเป็นของตน แต่ น.ส.ดุษฎียังคงให้การปฏิเสธ
รายสุดท้ายมีผู้ต้องหา 4 คน คือ น.ส.ทิพย์วดี ทองประสม อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 604/7 ม.3 ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย นายอนุศักดิ์ นิ่มนวล อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 158/3 ม.1 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย นายสมคิด ธาราศักดิ์สิทธิ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 ม.13 ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง นายศุภกิจ มาเยอะ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 ต.แม่สะลองใน พร้อมของกลางยาไอซ์ชนิดเกล็ดสีขาวจำนวน 200 กรัม รถยนต์กระบะบรรทุก 1 คัน และโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานจำนวน 2 เครื่อง และโทรศัพท์มือถือที่ห่อด้วยวัสดุกันกระแทกเพื่อโยนจำนวน 5 เครื่อง
การจับกุมคดีนี้มีขึ้นเมื่อตำรวจสืบทราบว่าจะมีกลุ่มผู้ค้ายาไอซ์ที่ชายแดนไทย-พม่า ด้านบ้านผาหมี ม.6 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ต้องการขายยาไอซ์จำนวนดังกล่าว จึงปลอมตัวเป็นผู้รับซื้อไปรับยาไอซ์ โดยประสานกับนายอาเคอะ ไม่ทราบนามสกุล คนขายให้นำไปส่ง ต่อมาเจ้าหน้าที่พบถุงพลาสติกบรรจุยาไอซ์ถูกวางเอาไว้ที่พงหญ้าข้างทางบนถนนภายในหมู่บ้านดังกล่าวแต่ไม่พบตัวนายอาเคอะ คาดว่าไหวตัวทันเสียก่อน
แต่เจ้าหน้าที่ได้นำยาเสพติดดังกล่าวไปทำการขยายผลโดยทำทีเป็นรับไปขายอีกทอด ต่อมาพบ น.ส.ทิพย์วดี และนายอนุศักดิ์ ขับรถยนต์กระบะ ทะเบียน บษ 9118 ชลบุรี ตรงไปยังยาเสพติดดังกล่าวริมถนนสายเด่นห้า-ดงมะดะ อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อทั้งคู่ไปยังจุดนัดหมายจึงจับกุมตัวเอาไว้
สอบสวนขยายผลว่าจะนำไปส่งให้นายสมคิด และนายศุภกิจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตามไปจับกุมทั้งคู่ได้อีก นอกจากนี้ จากการตรวจค้นที่ห้องพักของนายสมคิด และนายศุภกิจ พบโทรศัพท์มือถือห่อด้วยวัสดุกันกระแทกจำนวน 5 เครื่อง สอบถามได้ความว่าเตรียมจะนำไปโยนส่งเข้าไปในเรือนจำกลางแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลต่อไป
นายธานินทร์กล่าวว่า เดิมเจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่าขบวนการค้ายาเสพติดจะโหมนำเข้ายาเสพติดช่วงหลังสงกรานต์ เพราะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ทำงานเหนื่อยล้าช่วงสงกรานต์รวมทั้งต้องการเติมเต็มส่วนที่ถูกตรวจยึดได้ก่อนหน้านี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความเข้มงวด กระทั่งจับกุมและตรวจยึดของกลางได้
สำหรับเครือข่ายยาบ้าในเรือนจำกลางนั้น เจ้าหน้าที่จะพยายามทำลายเครือข่ายให้ได้ โดยก่อนหน้าวันสงกรานต์เคยเข้าไปตรวจค้นภายในเรือนจำกลาง จ.เชียงราย ยึดโทรศัพท์มือถือได้ 4 เครื่อง และ 7 เครื่องตามลำดับ จึงคาดว่าทำให้ขบวนการค้ายาเสพติดต้องการโทรศัพท์เพื่อสั่งการจากภายในอย่างมาก กระทั่งมีการตรวจยึดครั้งนี้ดังกล่าว
