พิจิตร - สงกรานต์เมืองชาละวันยังคงคึกคักต่อเนื่อง พร้อมกับสถิติอุบัติเหตุ-ยอดผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดยอดตายสูงถึง 8 ศพแล้ว ด้าน “เสธ.หนั่น” เปิดบ้านบอกซ้ำ ขอลาการเมือง
วันนี้ (14 เม.ย.) บรรยากาศการเล่นน้ำสงกรานต์ของจังหวัดพิจิตรที่กำหนดให้มีขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 13-16 เมษายน 2555 โดยเฉพาะที่ถนนบึงสีไฟภายในเขตเทศบาลเมืองพิจิตร เป็นไปด้วยความคึกคัก นักท่องเที่ยววัยรุ่นหนุ่ม-สาวจากทั่วสารทิศเกือบหมื่นคนต่างใช้รถกระบะบรรทุกน้ำออกมาเล่นสาดน้ำสงกรานต์กันตามท้องถนน
ส่วนอุบัติเหตุอุบัติภัยในช่วง 7 วันอันตราย พิจิตรก็ยังครองแชมป์ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ โดยล่าสุดศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2555 จังหวัดพิจิตรสรุปรายงานประจำวันที่ 13 เมษายน 55 สามวันของเทศกาลสงกรานต์จังหวัดพิจิตร ยอดรวมเกิดอุบัติเหตุ 33 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 8 ราย ได้รับบาดเจ็บ 37 ราย สถิติการเกิดอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์เกิดอุบัติเหตุสูงสุดร้อยละ 74 อันดับสองรถเก๋งร้อยละ 18 ส่วนสาเหตุเกิดสูงสุดจากขับรถตัดหน้ากระชั้นชิดร้อยละ 30 เมาสุราร้อยละ 26
ขณะที่ทุกภาคส่วนคุมเข้มเพื่อลดอุบัติเหตุด้วยการตั้งจุดตรวจและจุดบริการประชาชนจำนวน 34 จุด เรียกตรวจรถทุกชนิดไปแล้วจำนวน 3,922 คัน ดำเนินคดี 598 คัน พบไม่สวมหมวกนิรภัยสูงสุด 220 ราย ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ 184 ราย
ด้าน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย ก็ใช้โอกาสนี้เปิดบ้านไร่ขจรฟาร์มรีสอร์ท อ.ดงเจริญ จ.พิจิตร ให้ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ผู้นำชุมชนเข้ารดน้ำดำหัว แต่บรรยากาศไม่คึกคักเหมือนช่วงดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี โดยมีเพียงชาวพิจิตรที่เป็นเนื้อแท้และเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมไม่เกิน 1 พันคน ที่จัดเตรียมซุ้มอาหารมารับประทานร่วมกัน
พล.ต.สนั่นได้กล่าวอวยพรชาวพิจิตร ก่อนกล่าวอำลาทางการเมือง และพูดฝากฝังนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ “ลูกยอด” รมช.พาณิชย์ ว่า ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปที่อาจจะมีขึ้นนั้น ตนเองได้ประกาศไปแล้วว่าจะวางมือทางการเมืองและจะผลักดันให้นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ลูกชายเป็นผู้สานต่อทางการเมืองเพียงคนเดียว แต่ก็จะทำงานทางด้านการเมืองต่อไป ถึงแม้จะไม่ได้เป็น ส.ส.หรือตำแหน่งในรัฐบาลก็ตาม
สำหรับแนวทางการสร้างความปรองดองที่เสธ.หนั่นเป็นผู้ริเริ่มนั้น ก็ยังยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อไป ถึงแม้พรรคประชาธิปัตย์ หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะออกมาคัดค้านก็ตาม แต่แนวทางสร้างความปรองดองนั้นก็มีหลายฝ่าย หลายแนวทาง ปรองดองของรัฐสภาก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ดำเนินการอยู่ และเมื่อผ่านกระบวนการรัฐสภาไปแล้ว คณะรัฐมนตรีจะเห็นชอบอย่างไรก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะดำเนินการต่อไป
โดยเสธ.หนั่นยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นตนเองเพียงคนเดียวที่จะสร้างความปรองดอง แต่เป็นใครก็ได้ที่สามารถสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นได้ในประเทศชาติ ก็จะเป็นความโชคดีของประเทศไทย
พล.ต.สนั่นให้ความเห็นว่า การจะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นและสำเร็จได้ต้องเริ่มต้นที่ประชาชนคนไทยทุกคน ยุติการแบ่งฝ่าย เลิกแบ่งสีเสื้ออย่างจริงใจกันทุกฝ่ายแล้วหันหน้ามาคุยกัน ถึงแม้อาจจะต้องใช้เวลานานไปบ้างก็ตาม เพราะถ้าใจร้อนเร่งรีบดำเนินการก็จะลำบาก แนวทางการสร้างความปรองดองก็จะไม่สำเร็จ และจะนำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ที่เกิดขึ้นตามมาอีก
“อย่างไรก็ตาม จะต้องเดินหน้าแนวทางสร้างความปรองดองที่ตนเองเป็นผู้ริเริ่มขึ้นมาให้เดินหน้าต่อไป เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วนถึงจะเกิดความปรองดองสำเร็จขึ้นมาได้”