ชาวไทยแห่เที่ยวงาน “เยือนปราสาทตาเมือน” เขมรจ๋อยถูกห้ามเข้าเขตแดนไทย

สุรินทร์- จ.สุรินทร์ร่วม ททท.-ทหาร และท้องถิ่น จัดงานเยี่ยมเยือนปราสาทตาเมือนเดือนเมษายน ชาวไทยแห่เที่ยวคึกคักกว่า 3,000 คน เผยปีนี้ทหารไทยสั่งเข้มห้ามทหารและชาวกัมพูชาเข้ามาในเขตแดนไทยเด็ดขาด ชมได้แค่ “ปราสาทตาเมือนธม” เท่านั้น เพื่อป้องกันเข้ามาสอดแนมพื้นที่ความมั่นคงทางทหาร ขณะทหารเขมรกร่าง ห้ามนักข่าวไทยถ่ายภาพปราสาท อ้างเป็นที่ตั้งทหารเขมร

วันนี้ (12 เม.ย.) ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ชายแดนไทย-กัมพูชา บ.หนองคันนาสามัคคี ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุรินทร์, องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุรินทร์, องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตาเมียง, หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้ร่วมกันจัดงาน “เยี่ยมเยือนตาเมือน เดือนเมษายน” ประจำปี 2555 ขึ้น

โดยมี นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานเปิดงาน มีข้าราชการทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง อำเภอพนมดงรัก และประชาชนชาวอำเภอพนมดงรัก และนักท่องเที่ยวชาวไทยจากทั่วสารทิศเข้าร่วมงานกว่า 3,000 คน

ทั้งนี้ ในงานได้มีการจัดกิจกรรมการแข่งวิ่งมินิมาราธอน จากที่ว่าการ อบต.ตาเมียง สู่ปราสาทตาเมือนธม ระยะทาง 13 กิโลเมตร ในช่วงเช้าตรู่ พิธีสรงน้ำพระพุทธรูป รดน้ำขอพรจากผู้สูงอายุ ซึ่งมีข้าราชการทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอพนมดงรัก พนักงาน ข้าราชการ อบต.ตาเมียง รดน้ำขอพรจากผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน การประกวดหญิงงาม “ธิดาตาเมือน” การจำหน่ายสินค้าโอทอปของตำบลตาเมียง

การจัดงานเยี่ยมเยือนปราสาทตาเมือน เดือนเมษายน เพื่อประชาสัมพันธ์ “กลุ่มปราสาทตาเมือน” ซึ่งเป็นโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดสุรินทร์ให้เป็นที่รู้จักและส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์ ตั้งอยู่ติดกับชายแดนไทย-กัมพูชา บนพื้นที่บ้านหนองคันนาสามัคคี ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก

กลุ่มปราสาทตาเมือนนี้เป็นโบราณสถานแบบขอมโบราณ สร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มี ด้วยกัน 3 หลัง 3 แบบ ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน ประกอบด้วย 1. ปราสาทตาเมือน (บายกรีม) เป็นสิ่งก่อสร้างที่เรียกว่าที่พักคนเดินทาง ก่อสร้างด้วยศิลาแลง เป็นอาคารเดียวมีห้องยาวเชื่อมต่อมาทางด้านหน้า ผนังด้านเหนือปิดทึบ แต่สลักเป็นหน้าต่างหลอก ส่วนด้านใต้มีหน้าต่างเรียงกันโดยตลอด

2. ปราสาทตาเมือนตู๊จ เชื่อว่าปราสาทแห่งนี้เป็นอโรคยาศาลา หรือสถานพยาบาลของชุมชน ยังคงสภาพเกือบจะสมบูรณ์ ประกอบด้วย ปรางค์ประธานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีมุขยื่นทางด้านหน้า ก่อด้วยศิลาแลงและหินทราย มีบรรณาลัยอยู่ทางด้านหน้าเยื้องไปทางขวาขององค์ปรางค์ล้อมรอบด้วยกำแพงก่อศิลาแลงเช่นเดียวกัน

และ 3. ปราสาทหลังใหญ่ที่สุด ตั้งใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชามากที่สุด คือ “ปราสาทตาเมือนธม” เป็นเทวสถานในศาสนาพราหมณ์ ลัทธิไศวนิกาย เป็นปราสาทขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มปราสาทตาเมือน บนแนวเทือกเขาพนมดงรัก ประกอบด้วย ปรางค์สามองค์ มีปรางค์ประธานขนาดใหญ่ที่สุดอยู่ตรงกลาง ปรางค์อีกสององค์อยู่ถัดไปด้านหลังทางด้านขวาและซ้าย ปรางค์ทั้งสามองค์สร้างด้วยหินทรายหันหน้าไปทางทิศใต้ ที่ปรางค์ประธานมีลวดลายจำหลักที่งดงาม แม้ว่าจะถูกลักลอบทำลายและทรุดโทรมไปตามกาลเวลา

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับการจัดงานเยี่ยมเยือนปราสาทตาเมือนในครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 11 ซึ่งแต่ละครั้ง เจ้าหน้าที่ทหารพราน และทหารชุดเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอพนมดงรัก จะอนุญาตให้ชาวกัมพูชาทั้งพลเรือน และทหาร สามารถข้ามแดนเข้ามาในเขตไทยได้ เพื่อซื้อสินค้าไปอุปโภค บริโภค

แต่การจัดงานในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารไทยทุกฝ่าย และฝ่ายปกครองอำเภอพนมดงรักได้มีมติไม่อนุญาตให้ชาวกัมพูชาเดินทางผ่านบริเวณตัวปราสาทตาเมือนธมเข้ามาในเขตไทยโดยเด็ดขาด ซึ่งได้มีการตั้งจุดตรวจบริเวณปราสาทตาเมือนธมเพื่อไม่ให้ชาวกัมพูชา และทหารกัมพูชาเดินทางเข้ามาในเขตแดนไทย

โดยเหตุผลว่า เพื่อความปลอดภัยของพื้นที่ทางการทหารและความมั่นคง เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาได้มีทหารกัมพูชาเข้ามาสอดแนมพื้นที่ความมั่นคงทางทหาร และมีการปะทะกัน ระหว่างทหารไทย-ทหารกัมพูชา เมื่อปลายเดือนเมษายน 2554 ที่ผ่านมา ทำให้ทหารไทยประสบปัญหาในการรักษาพื้นที่ความมั่นคง ปีนี้จึงไม่อนุญาตให้ชาวกัมพูชาเข้ามาในเขตแดนไทย โดยสามารถเที่ยวชมได้เฉพาะบริเวณปราสาทตาเมือนธมเท่านั้น ทำให้ชาวกัมพูชากว่า 3,000 คนพากันมาอออยู่ที่ตัวปราสาทตาเมือนธม

นอกจากนี้ ยังเกิดเหตุการณ์ทหารกัมพูชากร่างหนักสั่งห้ามผู้สื่อข่าวไทยไม่ให้ถ่ายภาพในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมของไทย โดยอ้างว่าเป็นที่ตั้งทหารของกัมพูชา ทำให้ผู้สื่อข่าวไทยมีปากเสียงกับทหารกัมพูชา เจ้าหน้าที่ทหารไทยที่เห็นเหตุการณ์ได้มาเจรจาปัญหาจึงยุติ ผู้สื่อข่าวไทยจึงบันทึกภาพในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมตามปกติ ขณะที่ทหารกัมพูชาก็พยายามถ่ายภาพผู้สื่อข่าวไทย โดยใช้โทรศัพท์มือถือมาบันทึกภาพผู้สื่อข่าวไทยไว้เช่นกัน