xs
xsm
sm
md
lg

ภาค ปชช.บุกทวงคำตอบ “ทภ.2” - ทหารยันไม่ถอนกำลัง ยึด “สันปันน้ำ” ป้องแผ่นดินไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาคปชช. กลุ่ม เครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทยกว่า 100 คน บุกทวงคำตอบ จากทหารกองทัพภาคที่ 2 ในการปกป้องอธิปไตยจากการรุกล้ำของเขมร บริเวณหน้าค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา วันนี้ ( 3 เม.ย.)
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ภาค ปชช. “เครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทย” บุกทวงคำตอบทหาร “กองทัพภาค 2” ในการปกป้องอธิปไตยจากการรุกล้ำของเขมร ด้าน “โฆษก ทภ.2” ยันทหารปกป้องแผ่นดิน-สถาบันกษัตริย์ยิ่งชีพ ระบุแพ้ไม่ได้ต้องชนะ แพ้คือตาย พร้อมย้ำยังไม่มีการถอนทหารหรือปรับกำลังตามแนวชายแดนไทย-เขมรใดๆ ทั้งสิ้น ทหารไทยยังปักหลักดูแลควบคุมพื้นที่เขตแดนไทยตามหลัก “สันปันน้ำ” เช่นเดิม ทั้ง เขาพระวิหาร-ปราสาทตาควาย-ตาเมือนธม ชี้ได้เปรียบฝ่ายกัมพูชา

วันนี้ (3 เม.ย.) ที่หน้าสนามกีฬากลางค่ายสุรนารี หน้าประตูเข้าค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ภาคประชาชน กลุ่มเครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทย (อีสานใต้-ตะวันออก) กว่า 100 คน นำโดย นายปราโมทย์ หอยมุก ประธานเครือข่ายฯ จ.บุรีรัมย์, นายวีรพล โสภา ที่ปรึกษาฯ, นายสุพจน์ พิริยะเกียรติสกุล ประธานเครือข่ายฯ จ.นครราชสีมา เดินทางมารวมตัวชุมนุมเพื่อทวงคำตอบ หลังจากได้ยื่นหนังสือเปิดผนึกให้กองทัพภาคที่ 2 ไปเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้

สาระสำคัญของหนังสือเปิดผนึกดังกล่าวระบุว่า ขอทราบแนวทางและระยะเวลาการแก้ไขปัญหาการยึดครองแผ่นดินไทยของชาวกัมพูชาตามแนวชายแดน ด้วยปรากฏว่าในปัจจุบันแผ่นดินไทยตามแนวชายแดนกัมพูชาได้ถูกทหาร และประชาชนกัมพูชาเข้ารุกล้ำและยึดครองในหลายจุด เช่น พื้นที่ 4.6 ตร.กม. บริเวณรอบปราสาทพระวิหาร, พื้นที่บริเวณภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ, พื้นที่บริเวณปราสาทตาควาย-ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์, พื้นที่บริเวณบ้านโกกี สายโท 7-8 อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และพื้นที่อื่นๆ จึงถามว่า ทางกองทัพจะดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร และใช้เวลานานเท่าใด

ต่อมา พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางมารอต้อนรับ พร้อมเชิญแกนนำกว่า 10 คนเข้าร่วมประชุมทำความเข้าใจที่ห้องรับรองสนามกีฬากลางค่ายสุรนารี ชั้น 2 โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง โดยแกนนำได้มอบดอกไม้แสดงความขอบคุณ และมีกลุ่มผู้ชุมนุมอีกส่วนหนึ่งปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงติดตั้งบนรถยนต์ อยู่ด้านหน้าสนามกีฬา จากนั้นภายหลังได้รับฟังคำตอบเป็นที่น่าพอใจแล้วจึงแยกย้ายเดินทางไปกราบสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ก่อนสลายตัวกันกลับด้วยความสงบเรียบร้อย

พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว โฆษกกองทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ทหารและพี่น้องประชาชนมีเป้าหมายเดียวกัน คือ การปกป้องอธิปไตยของชาติ กองทัพภาคที่ 2 ขอย้ำว่าการป้องกันประเทศและการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นภารกิจสำคัญยิ่งชีวิต เราจะแพ้ไม่ได้ เราต้องชนะ หากไม่ชนะคือตาย เราจะปกป้องอธิปไตย ปกป้องผืนแผ่นดินของเราอย่างถึงที่สุด

พ.อ.ประวิทย์กล่าวว่า การแบ่งเขตแดนนั้นเรายึดหลักสากล คือ หลักสันปันน้ำในการปกป้องผืนแผ่นดินไทย ขณะนี้กำลังทหารของกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ยังดูแลพื้นที่ ควบคุมพื้นที่เหมือนเดิม คือเหมือนครั้งเมื่อก่อนที่มีการปะทะ ขอยืนยันว่าเรายังไม่มีการปรับกำลังพลออกจากแนวชายแดน ยังไม่มีการถอนกำลังใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนที่มีสื่อบางสื่อนำเสนอข่าวทำนองทหารไม่ปกป้องแผ่นดินนั้นเป็นการเสนอที่คลาดเคลื่อน ไม่เป็นความจริง มุ่งหน้าโจมตีกองทัพ แต่ขณะนี้ดีขึ้นเพราะเราพยายามทำความเข้าใจว่าเรายังไม่มีการถอนกำลัง เรายังไม่มีการปรับกำลังใดๆ ทั้งสิ้น กำลังพลทุกนายยังปกป้องอธิปไตยดูแลพื้นที่ของเราที่เราเคยอยู่ตรงไหนก่อนการปะทะเราก็อยู่ตรงนั้น คิดว่าตอนนี้เราค่อนข้างได้เปรียบกัมพูชา

“ขอชี้แจงว่าเรายึดสันปันน้ำ และขณะนี้ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งบริเวณปราสาทพระวิหารกำลังพลเราดูแลควบคุมพื้นที่สันปันน้ำได้ โดยทางทหารของกัมพูชาเขาลงไปอีกชั้นหนึ่ง ชั้นที่ 2 หรือชั้นที่ 3 ด้านฝั่งทิศใต้ของกัมพูชา ขณะนี้ทหารของเรายังควบคุมพื้นที่โดยเฉพาะแนวสันปันน้ำตลอดชายแดน ไม่ว่าบริเวณปราสาทพระวิหาร ปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม” พ.อ.ประวิทย์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าพี่น้องประชาชนชาวกัมพูชาเข้ามาชิดชายแดนเรามากพอสมควร ทหารเราก็ไม่ค่อยสบายใจ และพยายามลาดตระเวนและเฝ้าตรวจ ถ้าพบพี่น้องประชาชนชาวกัมพูชาเข้ามาทำมาหากิน เข้ามาทำการเกษตรในพื้นที่เขตแดนไทยเราผลักดันออกไปแน่นอน เช่นเมื่อกว่า 10 วันที่ผ่านมา ผบ.กรมทหารพรานที่ 26 พบมีพี่น้องประชาชนและกำลังของกัมพูชาบางส่วนเข้ามาแถวบริเวณปราสาทตาควาย ก็ได้นำกำลังทหารพรานไปกดดันให้กลับไป โดยจริงๆ เราไม่กลัวการปะทะ แต่เราต้องการให้มีการพูดคุยเจรจากันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน และสุดท้ายเขาก็ยอมกลับออกไป

นอกจากนี้ ยังมีหลายจุดหลายพื้นที่ตามแนวชายแดนที่มีลักษณะเช่นเดียวกันเกิดขึ้น และบางครั้งมีความตึงเครียดมาก แต่ยังไม่ถึงกับปะทะ แต่ก็คลี่คลายไปได้ด้วยดี ขอย้ำว่าพี่น้องชาวกัมพูชาที่ประชิดมาติดชายแดนนั้นเขายังอยู่ในพื้นที่ของกัมพูชา แต่จะมีปัญหากับเราคือส่วนหนึ่งเข้ามาลักลอบตัดไม้พะยูง โดยมีกองกำลังติดอาวุธคุ้มครองมาด้วย ล่าสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมาเข้ามามากพอสมควร ถูกเราจับได้ 40 คน ได้ไม้พะยูงจำนวนมาก พร้อมเลื่อย

ส่วนที่จะเข้ามาทำมาหากินหรือเข้ามาตั้งบ้านเรือนในเขตประเทศไทย เรายืนยันว่าไม่มี แต่จะมีที่บริเวณทางขึ้นที่เป็นตลาดชุมชนกับบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ เขาพระวิหาร ซึ่งเป็นไปตามเอ็มโอยู 2543 ที่ได้ตกลงกันไว้ และเราพยายามที่จะดูแลควบคุมไม่ให้เขาขยายมากขึ้น แต่ต้องยอมรับว่าในช่วงที่มีการปะทะกับกัมพูชาเขามียุทธวิธีหรือกลยุทธ์ที่เขาจะเอาพี่น้องประชาชนขึ้นมาอยู่กับฐานทหาร ขึ้นมาอยู่กับพื้นที่ที่ล่อแหลม มันอาจจะเป็นการใช้โล่มนุษย์ป้องกันให้เราไม่กล้าที่จะโจมตี เพราะเราจะไม่มีการโจมตีที่เป้าหมายด้านพลเรือน เราจะโจมตรีเฉพาะที่หมายทางทหารเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้มีการเคลื่อนย้ายกลับลงไปแล้ว

“กำลังพลของกองทัพภาคที่ 2 ที่ประจำการตามแนวชายแดนเราเลือกเฟ้นอย่างดีทั้งผู้บังคับหน่วย ผู้บังคับกองร้อย ผู้บังคับกองพัน ซึ่งมีความสำคัญมากที่จะปกป้องอธิปไตย เราจะเลือกเฟ้นมาอย่างดี มีจิตวิญญาณที่ปกป้องอธิปไตย มีการปลูกฝังกันมาเป็นเวลานาน” พ.อ.ประวิทย์กล่าว









พ.อ.ประวิทย์  หูแก้ว  รองเสนาธิการ ทภ. 2 และ โฆษกทภ. 2
กำลังโหลดความคิดเห็น