พะเยา - ค้าภายในเมืองกว๊านรับลูกโครงการ “โชวห่วยช่วยชาติ” เร่งสำรวจร้านค้าที่มีความพร้อมทั่วพื้นที่ 9 อำเภอ พร้อมเล็งดึง “สหกรณ์-กลุ่มเกษตร-ร้านค้าชุมชน” ร่วมโครงการ ด้านหอการค้าแนะรัฐบาลเพิ่มเม็ดเงินใส่มือเกษตรกร
นายพิพัฒน์พงษ์ หลวงสุภา การค้าภายในจังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มีโครงการโชวห่วยช่วยชาติ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่กำลังประสบปัญหาเรื่องราคาสินค้าแพงในขณะนี้นั้น ขณะนี้แม้จะยังไม่มีคำสั่งออกมาอย่างเป็นทางการ แต่สำนักงานการค้าภายในจังหวัดพะเยาได้จัดทีมงานออกสำรวจร้านค้า หรือศูนย์ค้าส่งในพื้นที่ทั้ง 9 อำเภอของจังหวัดพะเยาแล้ว เพื่อเตรียมเป็นจุดระบายสินค้าอุปโภคบริโภคในอนาคตอันใกล้หากรัฐบาลเริ่มดำเนินนโยบายดังกล่าว โดยจะเสนอให้จัดสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันมาจำหน่ายผ่านร้านค้า หรือศูนย์ค้าส่งเหล่านี้ ซึ่งจะทำให้สามารถระบายสินค้าไปถึงมือของผู้บริโภคระดับชุมชนได้ง่ายและทั่วถึงมากขึ้น โดยหลังทำการสำรวจร้านค้า หรือจุดระบายสินค้าแล้ว จะส่งรายงานไปยังส่วนกลางเพื่อรอรับคำสั่งปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไป
การค้าภายในจังหวัดพะเยากล่าวต่อไปว่า การดำเนินนโยบายดังกล่าวจะทำให้มีสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีราคาถูกกว่าท้องตลาด ซึ่งผู้บริโภคสามารถซื้อหาได้สะดวกขึ้น สำหรับจุดระบายสินค้าส่งที่ได้พิจารณาเป้าหมายเป็นอันดับแรก คือ กลุ่มสหกรณ์ที่มีร้านค้าสวัสดิการในชุมชน ร้านค้าชุมชน และร้านค้าของกลุ่มเกษตรกร เพราะหากเป็นเอกชนอาจจะมีการหากำไรซึ่งเกรงจะไม่ตรงเป้าประสงค์ของนโยบายโชวห่วยช่วยชาติ
ด้านนายหัสนัย แก้วกุล ประธานหอการค้าจังหวัดพะเยา กล่าวว่า โครงการโชวห่วยช่วยชาตินับว่าเป็นโครงการที่ดี อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะช่วยแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงในระยะยาวได้ เนื่องจากปัญหาไม่ได้ถูกแก้ไขที่ต้นเหตุ ตนมองว่าต้นเหตุของสินค้าราคาแพงเป็นเพราะต้นทุนการผลิตสูง ขณะที่สินค้าภาคเกษตรกรรมกลับมีราคาถูก ส่งผลให้เกษตรกรซึ่งเป็นกลุ่มผู้ผลิตไม่มีเม็ดเงินในมือมากพอที่จะมีกำลังซื้อสินค้าเพื่ออุปโภคบริโภคได้ ดังนั้น รัฐบาลจะต้องหามาตรการที่เป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน โดยไม่เน้นการแจก แต่เน้นการลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มรายได้แก่เกษตรกร
นายหัสนัยระบุว่า รัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาต้นทุนการผลิตสินค้าให้มีต้นทุนต่ำลง รวมถึงการปราบปรามกลุ่มผู้ประกอบการที่จ้องเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างเด็ดขาด ควบคู่กับการส่งเสริมอาชีพให้เกษตรกรมีรายได้ตลอดทั้งปี เมื่อกลุ่มเกษตรกว่าร้อยละ 80 มีรายได้ ก็จะมีกำลังซื้อและเกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ที่สำคัญ ประชาชนทุกครัวเรือนควรสร้างอาหารในครัวเรือนอย่างง่ายๆ ด้วยตัวเอง เช่น การปลูกพืชผักไว้เป็นอาหาร ลดการซื้อ เพิ่มการแบ่งปันกับเพื่อนบ้านในชุมชนมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดรายจ่ายลงไปได้มาก
นายพิพัฒน์พงษ์ หลวงสุภา การค้าภายในจังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มีโครงการโชวห่วยช่วยชาติ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่กำลังประสบปัญหาเรื่องราคาสินค้าแพงในขณะนี้นั้น ขณะนี้แม้จะยังไม่มีคำสั่งออกมาอย่างเป็นทางการ แต่สำนักงานการค้าภายในจังหวัดพะเยาได้จัดทีมงานออกสำรวจร้านค้า หรือศูนย์ค้าส่งในพื้นที่ทั้ง 9 อำเภอของจังหวัดพะเยาแล้ว เพื่อเตรียมเป็นจุดระบายสินค้าอุปโภคบริโภคในอนาคตอันใกล้หากรัฐบาลเริ่มดำเนินนโยบายดังกล่าว โดยจะเสนอให้จัดสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันมาจำหน่ายผ่านร้านค้า หรือศูนย์ค้าส่งเหล่านี้ ซึ่งจะทำให้สามารถระบายสินค้าไปถึงมือของผู้บริโภคระดับชุมชนได้ง่ายและทั่วถึงมากขึ้น โดยหลังทำการสำรวจร้านค้า หรือจุดระบายสินค้าแล้ว จะส่งรายงานไปยังส่วนกลางเพื่อรอรับคำสั่งปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไป
การค้าภายในจังหวัดพะเยากล่าวต่อไปว่า การดำเนินนโยบายดังกล่าวจะทำให้มีสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีราคาถูกกว่าท้องตลาด ซึ่งผู้บริโภคสามารถซื้อหาได้สะดวกขึ้น สำหรับจุดระบายสินค้าส่งที่ได้พิจารณาเป้าหมายเป็นอันดับแรก คือ กลุ่มสหกรณ์ที่มีร้านค้าสวัสดิการในชุมชน ร้านค้าชุมชน และร้านค้าของกลุ่มเกษตรกร เพราะหากเป็นเอกชนอาจจะมีการหากำไรซึ่งเกรงจะไม่ตรงเป้าประสงค์ของนโยบายโชวห่วยช่วยชาติ
ด้านนายหัสนัย แก้วกุล ประธานหอการค้าจังหวัดพะเยา กล่าวว่า โครงการโชวห่วยช่วยชาตินับว่าเป็นโครงการที่ดี อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะช่วยแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงในระยะยาวได้ เนื่องจากปัญหาไม่ได้ถูกแก้ไขที่ต้นเหตุ ตนมองว่าต้นเหตุของสินค้าราคาแพงเป็นเพราะต้นทุนการผลิตสูง ขณะที่สินค้าภาคเกษตรกรรมกลับมีราคาถูก ส่งผลให้เกษตรกรซึ่งเป็นกลุ่มผู้ผลิตไม่มีเม็ดเงินในมือมากพอที่จะมีกำลังซื้อสินค้าเพื่ออุปโภคบริโภคได้ ดังนั้น รัฐบาลจะต้องหามาตรการที่เป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน โดยไม่เน้นการแจก แต่เน้นการลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มรายได้แก่เกษตรกร
นายหัสนัยระบุว่า รัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาต้นทุนการผลิตสินค้าให้มีต้นทุนต่ำลง รวมถึงการปราบปรามกลุ่มผู้ประกอบการที่จ้องเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างเด็ดขาด ควบคู่กับการส่งเสริมอาชีพให้เกษตรกรมีรายได้ตลอดทั้งปี เมื่อกลุ่มเกษตรกว่าร้อยละ 80 มีรายได้ ก็จะมีกำลังซื้อและเกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ที่สำคัญ ประชาชนทุกครัวเรือนควรสร้างอาหารในครัวเรือนอย่างง่ายๆ ด้วยตัวเอง เช่น การปลูกพืชผักไว้เป็นอาหาร ลดการซื้อ เพิ่มการแบ่งปันกับเพื่อนบ้านในชุมชนมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดรายจ่ายลงไปได้มาก