จันทบุรี - อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านร้องสื่อ หลังถูกผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้านคลุกคาม สั่งรื้อบ้าน โค่นต้นลำไย สร้างความเสียหาย แจ้งผู้ใหญ่บ้าน-ตำรวจ-ปลัดอำเภอไร้ความช่วยเหลือ
วันนี้ (5 เม.ย.) ที่บ้านเลขที่ 98 หมู่ที่ 3 บ้านพังงอน ตำบลทับไทร อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี นายมานพ เพิ่มพูล อายุ 57 ปี พร้อมภรรยา และลูกชาย เข้าพบผู้สื่อข่าวในพื้นที่เพื่อร้องเรียนผ่านสื่อถึงผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความเป็นธรรม
นายมานพ เปิดเผยว่า ตนถูกผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้านคุกคาม รื้อทำลายบ้านพังเสียหาย ลักลอบเข้ามาทำลายโค่นตัดต้นลำไย อายุ 7-8 ปี และต้นกล้วยไข่เสียหายทั้งแปลง ซึ่งหลังเกิดเหตุได้นำความเข้าแจ้งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านพังงอน แต่กลับถูกผู้ใหญ่บ้านปฏิเสธไม่อยากรับรู้ไม่ขอยุ่งเกี่ยว จึงนำความเข้าแจ้งตำรวจที่สถานีตำรวจโป่งน้ำร้อน แต่ถูกตำรวจไม่ขอยุ่งเกี่ยว โดยมอบให้ผู้ใหญ่บ้านไกล่เกลี่ยเอง จนกระทั่งถึงปลัดอาวุโสอำเภอโป่งน้ำร้อน กลับถูกแนะนำให้ยกแปลงที่ปัญหาให้เป็นที่สาธารณะจะได้หมดปัญหาพิพาท
สำหรับที่แปลงดังกล่าว ตนได้ซื้อสิทธิ์มาจากเจ้าของคนเดิมในราคา 4 หมื่นบาท ปลูกลำไยมานาน 7-8 ปี และปลูกกล้วยไข่ผสมผสาน ต่อมา คู่กรณีได้มาติดต่อซื้อและตกลงซื้อขายกันในราคา 5 หมื่นบาทแต่ไม่วางเงินนานกว่า 15 วัน ตนจึงตัดสินใจขายให้แก่คนอื่นไป ทำให้คู่กรณีไม่พอใจบุกเข้าไปใช้รถยนต์รื้อบ้านทิ้ง และโค่นตัดลำไยจนเสียหายหมดทั้งแปลง
ส่วนเจ้าของใหม่ที่ซื้อต่อจากตนก็ถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดิน จนต้องขอเงินคืนและตนจำเป็นต้องคืนเงินให้ไป โดยได้นัดคืนเงินต่อหน้านายธงชัย แพรงาม กำนันตำบลทับไทร เพื่อป้องกันการขัดแย้งในเรื่องอื่นๆ
นายมานพ กล่าวว่า การร้องเรียนผ่านสื่อในครั้งนี้ เพื่อขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เนื่องจากตนได้ดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว แต่หน่วยงานในพื้นที่ไม่ให้ความเป็นธรรม ซึ่งคาดว่าน่าจะเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลของคู่กรณีจนทำให้เจ้าหน้าที่ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวก็เป็นได้
วันนี้ (5 เม.ย.) ที่บ้านเลขที่ 98 หมู่ที่ 3 บ้านพังงอน ตำบลทับไทร อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี นายมานพ เพิ่มพูล อายุ 57 ปี พร้อมภรรยา และลูกชาย เข้าพบผู้สื่อข่าวในพื้นที่เพื่อร้องเรียนผ่านสื่อถึงผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความเป็นธรรม
นายมานพ เปิดเผยว่า ตนถูกผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้านคุกคาม รื้อทำลายบ้านพังเสียหาย ลักลอบเข้ามาทำลายโค่นตัดต้นลำไย อายุ 7-8 ปี และต้นกล้วยไข่เสียหายทั้งแปลง ซึ่งหลังเกิดเหตุได้นำความเข้าแจ้งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านพังงอน แต่กลับถูกผู้ใหญ่บ้านปฏิเสธไม่อยากรับรู้ไม่ขอยุ่งเกี่ยว จึงนำความเข้าแจ้งตำรวจที่สถานีตำรวจโป่งน้ำร้อน แต่ถูกตำรวจไม่ขอยุ่งเกี่ยว โดยมอบให้ผู้ใหญ่บ้านไกล่เกลี่ยเอง จนกระทั่งถึงปลัดอาวุโสอำเภอโป่งน้ำร้อน กลับถูกแนะนำให้ยกแปลงที่ปัญหาให้เป็นที่สาธารณะจะได้หมดปัญหาพิพาท
สำหรับที่แปลงดังกล่าว ตนได้ซื้อสิทธิ์มาจากเจ้าของคนเดิมในราคา 4 หมื่นบาท ปลูกลำไยมานาน 7-8 ปี และปลูกกล้วยไข่ผสมผสาน ต่อมา คู่กรณีได้มาติดต่อซื้อและตกลงซื้อขายกันในราคา 5 หมื่นบาทแต่ไม่วางเงินนานกว่า 15 วัน ตนจึงตัดสินใจขายให้แก่คนอื่นไป ทำให้คู่กรณีไม่พอใจบุกเข้าไปใช้รถยนต์รื้อบ้านทิ้ง และโค่นตัดลำไยจนเสียหายหมดทั้งแปลง
ส่วนเจ้าของใหม่ที่ซื้อต่อจากตนก็ถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดิน จนต้องขอเงินคืนและตนจำเป็นต้องคืนเงินให้ไป โดยได้นัดคืนเงินต่อหน้านายธงชัย แพรงาม กำนันตำบลทับไทร เพื่อป้องกันการขัดแย้งในเรื่องอื่นๆ
นายมานพ กล่าวว่า การร้องเรียนผ่านสื่อในครั้งนี้ เพื่อขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เนื่องจากตนได้ดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว แต่หน่วยงานในพื้นที่ไม่ให้ความเป็นธรรม ซึ่งคาดว่าน่าจะเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลของคู่กรณีจนทำให้เจ้าหน้าที่ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวก็เป็นได้
