กาฬสินธุ์ - ผอ.ป.ป.ส.ภาค 4 เผยคดียาซูโดฯหายที่โรงพยาบาลกมลาไสย เชื่อมโยงกับเครือข่ายผลิตยาเสพบ้าชายแดน เตรียมยึดทรัพย์ทันทีหากผลคดีของดีเอสไอชี้มูลเกี่ยวพันแก๊งค้ายาบ้า เบื้องต้นรับโรงพยาบาลอุดรธานีและโรงพยาบาลกมลไสยมีส่วนเกี่ยวพันกับยาเสพติด
วันนี้ (30 มี.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอกมลาไสย นายสงคราม ขำต้นวงษ์ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 4 และนายอดุล ประยูรสิทธิ ผอ.ส่วนตรวจสอบทรัพย์สิน สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 4 ขอนแก่น เข้าพบ ร.ต.อ.มณี สารขันธ์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดียาสูตรซูโดอีเฟดรีนหายจากโรงพยาบาลกมลาไสยกว่า 3 แสน 5 หมื่นเม็ด เพื่อขอรับทราบความคืบหน้าของคดีหลังจาก ดีเอสไอ ได้รับสำนวนไปแล้ว
นายสงคราม ชำต้นวงษ์ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 4 กล่าวว่า คดีโรงพยาบาลกมลาไสยเป็นคดีที่มีความเชื่อมโยงกับโรงพยาบาลอุดรธานี ซึ่งยาที่หายไปอาจถูกนำไปจำหน่ายตามร้านขายยาและมีเครือข่ายรวบรวมยาเพื่อป้อนให้กับเครือข่ายผลิตยาเสพติดตามแนวชายแดนและยาจำนวนนี้เชื่อว่าเกือบทั้งหมดได้ถูกส่งไปผลิตยาบ้าตามรอยตะเข็บชายแดนทั้งในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือผ่านเข้าประเทศเพื่อนบ้าน
หลังจาก ดีเอสไอ สรุปผลทางคดีและพบว่าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ป.ป.ส.ภาค 4 ก็จะทำการยึดทรัพย์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทันทีทั้งนี้เบื้องต้น ป.ป.ส.ภาค 4 รับคดีโรงพยาบาลอุดรธานีและโรงพยาบาลกมลาไสยเพื่อเตรียมการยึดทรัพย์กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวพันกับยาเสพติดไว้แล้ว
กรณียาหายนอกจากโรงพยาบาล 2 แห่งนี้ นอกจากนั้นยังอยู่ในขั้นตอนการรายงานและสรุปผลโดยเฉพาะที่ จ.ศรีสะเกษ ก็ยังไม่สรุป แต่ลักษณะที่เชื่อมโยงกันจะเป็นวิธีการลักลอบนำยาสูตรซูโดอีเฟดรีนออกมาจากโรงพยาบาลจากนั้นก็จะมีกลุ่มทุจริตทำการรวบรวมยาแล้วทำการส่งต่อไปยังแหล่งผลิตยาบ้า เฉพาะที่โรงพยาบาลกมลาไสย ป.ป.ส. ยังคงรอฟังผลการสอบสวนทั้งจากการตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย
โดยกระทรวงสาธารณสุข และจากดีเอสไอ ซึ่งได้เข้าทำคดีและแน่นอนว่าเรื่องนี้เมื่อผ่านกระบวนการกลั่นกรองตามกฏหมายและผลไปตกอยู่ที่ใครไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือแม้แต่ผู้บริหารโรงพยาบาลก็จะต้องถูกตรวจสอบทรัพย์สินและหากพบว่ามีความผิดปกติก็จะต้องถูกอายัดทรัพย์เพื่อทำการตรวจสอบต่อไป” ผอ.ป.ป.ส.ภาค 4 กล่าว