ฉะเชิงเทรา - ผู้ผลิตมะม่วงส่งออกผนึกกำลังรวมเป็นหนึ่งเดียว หลังตลาดส่งออกเติบโตอย่างต่อเนื่อง หวังผลิตสินค้าให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศครั้งมโหฬาร เพื่อสู่ผู้บริโภคผลไม้ไทยทั่วโลก
วันนี้ (29 มี.ค.55) นายมานพ แก้ววงษ์นุกูล ประธานวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตมะม่วงส่งออก ต.สาวชะโงก อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวถึงการพัฒนาด้านการผลิตมะม่วงส่งออกของชาวสวนมะม่วงไทยว่า ในปัจจุบันนี้ผู้ผลิตมะม่วงส่งออกใน จ.ฉะเชิงเทรา ทั้งวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตมะม่วงส่งออก และสหกรณ์ชมรมชาวสวนมะม่วง จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย ผู้ผลิตมะม่วงจากทั่วประเทศได้รวมตัวกันเป็นเครือข่ายในนามสมาคมชาวสวนมะม่วงไทย
การรวมกลุ่มครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อวางแผนการผลิต การทำการตลาดร่วมกันรวมถึงการควบคุมคุณภาพความหวาน ความอร่อย ความมันโดยจะทำให้เป็นมาตรฐานแบบเดียวกัน เพื่อป้อนผลผลิตสู่ตลาดส่งออกและเพื่อการจำหน่ายภายในประเทศ เพราะในปัจจุบันยังไม่สามารถผลิตมะม่วงส่งออกได้ตลอดทั้งปี ซึ่งการเข้ามารวมตัวกันของชาวสวนมะม่วงจากทั่วประเทศนั้น จะเข้ามาประชุมแรกเปลี่ยนความรู้กันทางวิชาการแรกเปลี่ยนประสบการณ์ในการผลิตมะม่วง เพื่อให้สามารถใช้เป็นกรรมวิธีในการผลิตมะม่วงที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งประเทศ และยังเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคโดยทั่วไป
นายมานพ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้มีสหกรณ์และชมรมชาวสวนมะม่วงต่างๆเข้ามารวมตัวเป็นแกนนำหลักแล้วรวม 9 จังหวัด ประกอบด้วย กาญจนบุรี นครปฐม นครราชสีมา สุพรรณบุรี เชียงใหม่ ชลบุรี อุดรธานี ขอนแก่น และฉะเชิงเทรา ขณะเดียวกันยังจะมีอีกกว่า 20 จังหวัด และ 25 ชมรมกำลังที่จะมาเข้าร่วมจากทั่วทุกภาคของประเทศด้วย
การรวมตัวนั้น เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตมะม่วงคุณภาพดีที่สุดในโลกและส่งผลผลิตออกจำหน่ายมากที่สุดในโลก รวมถึงยังเป็นต้นแบบของการผลิตมะม่วงของโลก เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีภูมิอากาศที่เหมาะสมแก่การผลิตมะม่วงได้ตลอดทั้งปี และเชื่อว่าประเทศอื่นๆ นั้นไม่สามารถผลิตมะม่วงมีคุณภาพดีและปริมาณมากได้เหมือนกับประเทศไทยซึ่งถือเป็นจุดแข็งของเรา
นายมานพ กล่าวว่า จากยอดจำหน่ายมะม่วงที่มีการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมากกว่าในทุกๆปี จากเดิมเมื่อปีที่แล้ว มียอดการส่งออกเฉพาะมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง และเบอร์4 ซึ่งเป็นสินค้าหลักที่มีชื่อเสียงนั้น จำนวน 2.8 พันตัน เพิ่มเป็น3.25 พันตันในปีนี้ โดยเชื่อว่าเป็นเพราะความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติว่ามะม่วงไทยของเรานั้นคุณภาพดีและปลอดจากสารเคมี และยังสามารถทำการผลิตและส่งออกได้ตลอดทั้งปีตามความต้องการของชาวต่างประเทศที่ยังมีความต้องการอีกมาก ที่สามารถส่งผลิตผลตอบสนองความต้องการของเขาได้โดยตลอด
สำหรับตลาดส่งออกในขณะนี้ นอกจากจะส่งไปทางกลุ่มประเทศยุโรปแล้วตลาดหลักที่สำคัญและทำให้เราส่งออกได้แบบต่อเนื่องและมีออเดอร์รองรับตลอดทั้งปีนั้นคือ ที่ประเทศญี่ปุ่น ขณะเดียวกันประเทศเกาหลีใต้ ก็ยังมีคนนิยมบริโภคมะม่วงของเรามากและมียอดออเดอร์สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนขณะนี้ใกล้เคียงกับญี่ปุ่นแล้วและที่สำคัญขณะนี้สามารถขนส่งสินค้าไปยังประเทศเกาหลีใต้ ทางเรือสินค้าจึงทำให้ค่าขนส่งถูกลงจากเดิมมากจึงยิ่งทำให้ผลผลิตของเราสามารถส่งออกเข้าไปขายได้มากยิ่งขึ้นส่งผลทำให้เกิดการเติบโตของตลาดมะม่วงไทยในเกาหลีใต้แรงมาก
นายมานพ กล่าวต่อไปว่า ขณะที่เวียดนามเอง ยังต้องการบริโภคมะม่วงของเราอีกเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะมะม่วงมัน เช่น มะม่วงเขียวเสวย และฟ้าลั่น จึงทำให้ตลาดส่งออกมะม่วง บ้านเรามีอนาคตที่สดใส ส่วนการขนส่งก็ทำได้ง่าย โดยสามารถขนส่งไปได้ทางรถยนต์ด้วยรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงสินค้าก็ไปถึงยังที่หมายแล้ว และการเติบโตในตลาดเวียดนามก็ยังถือว่ามาแรงอีกหนึ่งตลาดเช่นเดียวกันด้วย
สำหรับยอดความต้องการมะม่วงของเราในปัจจุบันนั้น เฉพาะที่ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ มีความต้องการมากถึงปีละกว่า 3 พันตัน ขณะที่ประเทศเวียดนามมีความต้องการสูงมากถึงปีละประมาณกว่า 1หมื่นตัน