พิษณุโลก - ชาวบ้านรอบเหมืองทองคำอัคราไมนิ่ง เตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองฯ เหตุยังไม่เพิกถอนประทานบัตร 5 แปลง เพียงแต่สั่งให้ไปทำ EIA ใหม่ แถมฟ้องผู้ให้ข่าวคดีชาวบ้านทับคล้อ-พิจิตรฟ้องรัฐว่า “ยกฟ้อง” ทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน ฐาน “ดูหมิ่นคำสั่งศาล”
วันนี้(29 มี.ค.55) นางสาวสื่อกัญญา ธีระชาติดำรง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนยังไม่เต็มร้อยคำตัดสินของศาลปกครองจังหวัดพิษณุโลก ที่พิพากษาเพิกถอนประทานบัตรทั้ง 5 แปลง แต่กลับให้ บริษัท อัคราไมนิ่ง จำกัด ไปจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA ) ให้เสร็จสมบูรณ์ภายในกำหนด 1ปี (นับจาก 27 มี.ค.55) ทั้งๆ ที่ควรเพิกถอน และสั่งให้หยุดการดำเนินงานของเหมือง
ดังนั้น จึงเตรียมอุทธรณ์ คำสั่งศาลปกครองจังหวัดพิษณุโลกใหม่ ภายใน 30 วัน พร้อมอุทธรณ์ มติสภา อบต.ที่เห็นชอบประกอบคำขอประทานบัตร เพราะกระทบเส้นทางสัญจรของคนในพื้นที่
ทั้งนี้ ศาลปกครองตัดสินบ่ายวันที่ 27 มี.ค. 2555 ตุลาการเจ้าของสำนวนได้อ่านคำพิพากษา ที่ระบุว่า พิพากษาเพิกถอนประทานบัตรทั้ง 5 แปลง คือ ประทานบัตรที่ 26917/15804 ,26923/15808 ,26920/15807 ,26922/15805 ,26921/15806 ลงวันที่ 21 ก.ค. 2551 โดยให้การเพิกถอนมีผลในวันที่ผู้ร้อง (บริษัท อัคราไมนิ่ง จำกัด)ไม่จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเหมืองแร่ทองคำให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ ลงวันที่ 29 ธ.ค. 2552 ให้เสร็จสมบูรณ์ภายในกำหนด 1ปี หรือเมื่อรายงานนั้นไม่ได้รับความเห็นชอบ ทั้งนี้นับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด คำขออื่นให้ยก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2553 ชาวบ้านเขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองพิษณุโลก ให้เพิกถอนประทานบัตรเหมืองแร่ทองคำ บริษัท อัคราไมนิ่ง จำกัด เพราะได้รับผลกระทบจากการทำเหมือง เนื่องจากชุมชนอยู่ใกล้เคียง ระบุว่า เสียงดัง ฝุ่นฟุ้งกระจายจากการระเบิดหิน น้ำดื่มน้ำใช้ไม่สามารถใช้ได้ดังเดิม ตามคดีหมายเลขดำที่ 228/2553 พิพาทเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ที่ 2 คณะกรรมการเหมืองแร่ ที่ 3 อธิบดีกรมป่าไม้ ที่ 4 องค์การบริหารส่วนตำบลเขาเจ็ดลูก ที่ 5
นางสาวสื่อกัญญา ยังเปิดเผยอีกว่า และจากการที่ผู้บริหารบริษัท อัครา ไมนิ่ง จำกัด ให้ข่าวกับสื่อมวลชนบางฉบับ หลังจากศาลตัดสินว่า ศาลปกครองยกฟ้อง ตนกำลังจะรวมรวบหลักฐาน ไปฟ้องกับผู้ให้ข้อมูลในข้อหา “ดูหมิ่นคำสั่งศาลปกครอง”เพราะทำให้คนอื่นเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า “ยกฟ้อง”ทั้งๆที่ ศาลปกครองให้ไปจัดทำรายงาน EIA ใหม่ มิหนำซ้ำ ขณะนี้ระหว่างทำ EIA เหมืองทองคำอัคราฯก็ยังไม่หยุดเดินเครื่อง
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2555ชาวบ้าน จ.พิจิตรกว่า 40 คนได้เดินทางไปยื่นฟ้องศาลปกครองจังหวัดพิษณุโลกในคดีใหม่อีกว่า เหมืองทองคำอัคราฯได้ขยายโรงงาน โดยไม่ได้รับอนุญาตใน เฟส 1 ระหว่างนี้ กำลังรอศาลปกครองพิษณุโลกมีมติรับคำฟ้องหรือไม่
วันนี้(29 มี.ค.55) นางสาวสื่อกัญญา ธีระชาติดำรง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนยังไม่เต็มร้อยคำตัดสินของศาลปกครองจังหวัดพิษณุโลก ที่พิพากษาเพิกถอนประทานบัตรทั้ง 5 แปลง แต่กลับให้ บริษัท อัคราไมนิ่ง จำกัด ไปจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA ) ให้เสร็จสมบูรณ์ภายในกำหนด 1ปี (นับจาก 27 มี.ค.55) ทั้งๆ ที่ควรเพิกถอน และสั่งให้หยุดการดำเนินงานของเหมือง
ดังนั้น จึงเตรียมอุทธรณ์ คำสั่งศาลปกครองจังหวัดพิษณุโลกใหม่ ภายใน 30 วัน พร้อมอุทธรณ์ มติสภา อบต.ที่เห็นชอบประกอบคำขอประทานบัตร เพราะกระทบเส้นทางสัญจรของคนในพื้นที่
ทั้งนี้ ศาลปกครองตัดสินบ่ายวันที่ 27 มี.ค. 2555 ตุลาการเจ้าของสำนวนได้อ่านคำพิพากษา ที่ระบุว่า พิพากษาเพิกถอนประทานบัตรทั้ง 5 แปลง คือ ประทานบัตรที่ 26917/15804 ,26923/15808 ,26920/15807 ,26922/15805 ,26921/15806 ลงวันที่ 21 ก.ค. 2551 โดยให้การเพิกถอนมีผลในวันที่ผู้ร้อง (บริษัท อัคราไมนิ่ง จำกัด)ไม่จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเหมืองแร่ทองคำให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ ลงวันที่ 29 ธ.ค. 2552 ให้เสร็จสมบูรณ์ภายในกำหนด 1ปี หรือเมื่อรายงานนั้นไม่ได้รับความเห็นชอบ ทั้งนี้นับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด คำขออื่นให้ยก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2553 ชาวบ้านเขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองพิษณุโลก ให้เพิกถอนประทานบัตรเหมืองแร่ทองคำ บริษัท อัคราไมนิ่ง จำกัด เพราะได้รับผลกระทบจากการทำเหมือง เนื่องจากชุมชนอยู่ใกล้เคียง ระบุว่า เสียงดัง ฝุ่นฟุ้งกระจายจากการระเบิดหิน น้ำดื่มน้ำใช้ไม่สามารถใช้ได้ดังเดิม ตามคดีหมายเลขดำที่ 228/2553 พิพาทเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ที่ 2 คณะกรรมการเหมืองแร่ ที่ 3 อธิบดีกรมป่าไม้ ที่ 4 องค์การบริหารส่วนตำบลเขาเจ็ดลูก ที่ 5
นางสาวสื่อกัญญา ยังเปิดเผยอีกว่า และจากการที่ผู้บริหารบริษัท อัครา ไมนิ่ง จำกัด ให้ข่าวกับสื่อมวลชนบางฉบับ หลังจากศาลตัดสินว่า ศาลปกครองยกฟ้อง ตนกำลังจะรวมรวบหลักฐาน ไปฟ้องกับผู้ให้ข้อมูลในข้อหา “ดูหมิ่นคำสั่งศาลปกครอง”เพราะทำให้คนอื่นเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า “ยกฟ้อง”ทั้งๆที่ ศาลปกครองให้ไปจัดทำรายงาน EIA ใหม่ มิหนำซ้ำ ขณะนี้ระหว่างทำ EIA เหมืองทองคำอัคราฯก็ยังไม่หยุดเดินเครื่อง
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2555ชาวบ้าน จ.พิจิตรกว่า 40 คนได้เดินทางไปยื่นฟ้องศาลปกครองจังหวัดพิษณุโลกในคดีใหม่อีกว่า เหมืองทองคำอัคราฯได้ขยายโรงงาน โดยไม่ได้รับอนุญาตใน เฟส 1 ระหว่างนี้ กำลังรอศาลปกครองพิษณุโลกมีมติรับคำฟ้องหรือไม่
