xs
xsm
sm
md
lg

“น้ำมูล” บุรีรัมย์แห้งวิกฤตสุดรอบ 40 ปี - โวยแห้วแก้แล้งทั้งยุค “แม้ว-มาร์ค-ปู”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แม่น้ำมูล จ.บุรีรัมย์ แห้งวิกฤตสุดรอบ 40 ปี กระทบเกษตรกรเลี้ยงปลากระชัง อ.สตึก เดือดร้อนหนัก ต้องหยุดเลี้ยงสูญรายได้กว่า 10 ล้าน ขณะรถบรรทุกวิ่งลงไปตักทรายในแม่น้ำได้แล้ว วันนี้ (26 มี.ค.)
บุรีรัมย์ - “น้ำมูล” บุรีรัมย์ แห้งวิกฤตสุดรอบ 40 ปี กระทบเกษตรกรเลี้ยงปลาในกระชัง อ.สตึก เดือดร้อนหนัก ต้องหยุดเลี้ยงทำสูญรายได้กว่า 10 ล้าน อพยพไปขายแรงงานหาเงินใช้หนี้เงินกู้นอกระบบ เผย รัฐบาล “ทักษิณ” ประชุม ครม.สัญจรบุรีรัมย์ รับปากสร้างเขื่อน-ฝาย ถึงรัฐบาล “มาร์ค” เรื่องก็เงียบหาย สุดท้ายแห้วถึงรัฐบาล “ปู” วอนแก้แล้งซ้ำซากด่วน

วันนี้ (26 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ภัยแล้ง จ.บุรีรัมย์ เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง น้ำในลำน้ำมูลที่ไหลผ่าน อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ มีสภาพตื้นเขินแห้งขอดเร็วกว่าทุกปีที่ผ่านมา เข้าขั้นวิกฤตสุดในรอบ 40 ปี จนสามารถเดินข้ามไปมาได้ ทำให้มีชาวบ้านบางรายสามารถขับรถบรรทุกลงขุดตักทรายไปใช้ได้อย่างสบาย

นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังในเขตพื้นที่ ต.ท่าม่วง อ.สตึก ที่มีอยู่กว่า 20 ราย เลี้ยงปลากว่า 200 กระชัง ทำให้เกษตรกรต้องหยุดการเลี้ยงปลาชั่วคราว เนื่องจากน้ำมีสภาพตื้นเขิน เน่าเสีย เกิดกรดแก๊ส หากลงทุนเลี้ยงเกรงว่าปลาจะตาย หรือเกิดโรคระบาดได้ จึงทำให้เกษตรกรทั้งหมดต้องเสียโอกาส จะมีรายได้จากการเลี้ยงปลาในกระชัง เป็นจำนวนเงินรวมมากกว่า 10 ล้านบาท

ทั้งนี้ ทุกปีที่ผ่านมา เกษตรกรสามารถเลี้ยงปลาจำหน่ายได้ปีละ 2-3 ครั้ง แต่ในปีนี้เลี้ยงปลาได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เนื่องจากสภาพความแห้งแล้งที่มาเร็วกว่าทุกปี เกษตรกรบางรายต้องอพยพแรงงานไปรับจ้างยังต่างจังหวัด และ กรุงเทพฯ หารายได้เลี้ยงครอบครัวเพื่อความอยู่รอด ประกอบกับต้องหาเงินมาใช้หนี้สิน ที่เกิดจากการกู้ยืมเงินมาลงทุนทำอาชีพเลี้ยงปลา ทั้งหนี้ในและนอกระบบรายละกว่า 2-3 แสนบาท

นายณรงค์ วงศ์แสงรัตน์ หนึ่งในเกษตรกรเลี้ยงปลาในกระชัง บ้านท่าเรือ ต.ท่าม่วง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ในปีนี้น้ำมูลมีสภาพที่แห้งแล้งวิกฤตและน้ำแห้งเร็วกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทำให้ต้องหยุดเลี้ยงปลาชั่วคราว เพราะสภาพน้ำตื้นเขินและเน่าเสียไม่สามารถเลี้ยงปลาได้ ทำให้ต้องขาดโอกาส มีรายได้จากการเลี้ยงปลา

อีกทั้งปัจจุบันมีหนี้สินจากการกู้ยืมมาลงทุนเลี้ยงปลาอยู่กว่า 1 แสนบาท จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาสำรวจและแก้ไขปัญหาภัยแล้งซ้ำซากให้เกษตรกรเลี้ยงปลาในกระชังได้ตลอดทั้งปี ก่อนที่อาชีพเลี้ยงปลากระชังจะหายไปจากลำน้ำมูล

นายณรงค์ กล่าวต่อว่า สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งจัดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่ จ.บุรีรัมย์ คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หนึ่งในคณะรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ อ.สตึก รับทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมรับปากและสัญญา ว่า จะให้ความช่วยเหลือเกษตรกรสองฝั่งริมน้ำมูล ในการจัดสรรงบประมาณมาสร้างเขื่อน หรือฝายน้ำล้น เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งซ้ำซากให้กับเกษตรกรได้มีน้ำใช้การอุปโภคบริโภค รวมทั้งด้านการเกษตรและปศุสัตว์ได้ตลอดทั้งปี โดยมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงมาสำรวจแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีการจัดสรรงบประมาณลงมาดำเนินการก่อสร้าง

ต่อมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี เรื่องก็ยังเงียบหาย จนกระทั่งมาถึงรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องก็ยังคงเงียบหายอีก ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาให้ความช่วยเหลือแก้ปัญหาเรื่องภัยแล้งให้กับชาวบ้านแต่อย่างใด จึงอยากให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ช่วยแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านริมสองฝั่งลำน้ำมูลด่วน เพราะเดือดร้อนจากปัญหาภัยแล้งมาทุกปี

“ซ้ำร้ายเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมปลาตาย และได้รับความเสียหายเมื่อครั้งที่ผ่านมา ก็ไม่ได้รับการชดเชยจากทางภาครัฐแม้แต่บาทเดียว ทำให้เกษตรกรมีหนี้สินพอกพูนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรบางรายต้องเลิกอาชีพเลี้ยงปลา อพยพไปหางานทำต่างจังหวัด เพื่อความอยู่รอด เพราะปัญหาภัยแล้งซ้ำซากนี้” นายณรงค์ กล่าว


เกษตรกรเลี้ยงปลาในกระชัง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เดือดร้อนหนัก
น้ำมูลแห้ง เลี้ยงปลากระชังไม่ได้


นายณรงค์ วงศ์แสงรัตน์ เกษตรกรเลี้ยงปลาในกระชัง
กำลังโหลดความคิดเห็น