ลำปาง - เจ้าของปางช้างไทรโยคเข้าพบ ผอ.ศุนย์อนุรักษ์ช้างไทยอีกรอบ ขอตรวจซากช้างของกลาง บอกไม่มั่นใจว่าเป็นช้างเชือกเดียวกันหรือไม่ แต่ทางศูนย์ฯ ไม่อนุญาต พร้อมห้ามนักข่าวเข้าถ่ายภาพภายใน สะพัดช้างที่เหลือมีเชื้อวัณโรคด้วย
นายไชยพงษ์ แสนดี อายุ 67 ปี เจ้าของปางช้างไทรโยค พร้อมด้วยทนายความได้เดินทางมายังศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง เป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์นี้ หลังเมื่อวันที่ 22 มี.ค.55 ได้เดินทางมาแล้วหนึ่งครั้งเพื่อดูความเป็นอยู่ของช้าง แต่พบว่าช้างพังสีทอง อายุ 20 ปี ล้ม แต่ทางศูนย์ฯ ไม่แจ้งและทำการฝังซากช้างไปแล้ว โดยทางปางช้างไม่ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวเลย
ในการเดินทางมาครั้งนี้นายไชยพงษ์พร้อมทนายความ ต้องการดูความเป็นอยู่ของช้างที่เหลืออีกครั้ง และขอขุดซากช้างที่ฝังไปแล้วมาพิสูจน์ว่าเป็นพังสีทองหรือไม่
ด้าน นายนิปกรณ์ สิงห์พุทธางกูร หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไป สถาบันคชบาลแห่งชาติ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง กล่าวว่า ทางศูนย์ฯ มีหน้าที่ยืนยันการเสียชีวิตของช้างเท่านั้น ส่วนเรื่องทางคดีต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องส่วนอื่น ซึ่งที่ผ่านมาศูนย์ฯ ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมพิสูจน์ร่วมกันและทำบันทึกการตายไว้ทั้งหมด พร้อมกับได้ส่งรายละเอียดให้กับตำรวจและส่วนกลางไปแล้ว
สาเหตุของการตาย คือ ช้างหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ส่วนจะเข้าขุดหลุมเพื่อพิสูจน์นั้นขณะนี้คงทำไม่ได้ แต่ทางศูนย์สามารถยืนยันได้ว่า ช้างที่ล้มคือพังสีทองจริง เนื่องจากสามารถพิสูจน์ได้จากขนายของช้าง
ขณะที่ นายวรวิทย์ โรจนไพฑูลย์ ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยฯ กล่าวว่า ช้างของกลางที่รับมาไม่ได้สมบูรณ์ทุกเชือก บางเชือกเมื่อมาถึงก็เจ็บป่วยแล้วก็มี ส่วนการดูแลช้างทางศูนย์ฯยืนยันว่าดูแลและเลี้ยงดูอย่างดีถูกต้องตามหลักวิชาการ ซึ่งบางครั้งคนทั่วไปอาจจะดูว่าขัดกับความเป็นจริงก็ตาม
ส่วนข่าวที่ออกไปทำให้ทางศูนย์ฯได้รับความเสียหายมาก ดังนั้นในคราวนี้ทางศูนย์ฯ จึงขอให้เฉพาะเจ้าของปางช้างเท่านั้นที่เข้าไปดูความเป็นอยู่ของช้าง
“ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปทำข่าว”
ด้าน นายไชยพงษ์ พร้อมทีมงานและทนาย ได้กล่าวว่า แม้จะมีการยึดช้างไว้แต่ทางปางช้างก็ยังเป็นเจ้าของช้างอยู่ การที่ช้างตายตนเองไม่ทราบเรื่องอะไรเลย จึงเกิดความสงสัยว่าช้างที่ล้มและฝังไปก่อนหน้านี้เป็นเชือกเดียวกันหรือไม่ และสาเหตุของการตายเป็นเพราะอะไร ซึ่งเท่าที่ดูตนเห็นว่าการดูแลช้างของศูนย์ฯ กับช้างของกลางมีความแตกต่างกันมาก ช้างของตนเองผอมโซ และอาหารก็ไม่เพียงพอ ตนจึงต้องการความชัดเจนในเรื่องนี้
ทั้งนี้ แหล่งข่าวซึ่งเป็นสัตวแพทย์เผยว่า ช้างของกลางที่เหลืออีกรวม 8 เชือก มีเชื้อวัณโรค ซึ่งเป็นอันตรายต่อคนด้วย หากไม่รีบให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขเข้ามาดูแล หรือเพียงต้องการรักษาเพียงด้านการท่องเที่ยวอย่างเดียวจะเป็นอันตรายอย่างมาก