กาญจนบุรี - เจ้าหน้าที่ ปทส.-อุทยานแห่งชาติ ปศ.พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบเปรียบเทียบตั๋วรูปพรรณช้างอีก 10 เชือกของ “เสี่ยวินัย” เจ้าของปางช้างไทรโยค เป็นวันสุดท้าย หลังให้โอกาสนำเอกสารมาพิสูจน์นานนับเดือน เผยมียึดช้างเพิ่มอีก 2 เชือกเตรียมส่งสถาบันคชบาลฯ ด้านบุตรชาย “เสี่ยวินัย” โวยเจ้าหน้าที่สถาบันคชบาลฯ ไม่ได้แจ้งรายละเอียดการเสียชีวิตของ “พังสีทอง” ให้เราทราบ
หลังจากที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบช.ก.พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบปางช้างไทรโยค เมื่อวันที่ 25 ม.ค.55 ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบช้าง 51 เชือก ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดและขนย้ายส่งไปยังสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ จ.ลำปาง ทั้งสิ้น 19 เชือก แต่ยังคงเหลือช้างที่เจ้าหน้าที่อายัดไว้ตรวจสอบอีก 10 เชือก และวันนี้ (23 มี.ค.) เป็นวันสุดท้ายที่ทางเจ้าหน้าที่ให้โอกาสปางช้างไทรโยค นำเอกสารมายืนยันที่มาและความถูกต้องของช้าง 10 เชือก
ล่าสุด วันนี้ (23 มี.ค.) พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบช.ก.ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผกก.กก.5 บก.ปทส. พ.ต.ท.ณรงค์เดช กมลบุตร รองผกก.กก.5 บก.ปทส. พ.ต.ท.พรเทพ อินทรบ้าน สว.กก.5 บก.ปทส. ร.ต.ต.ธีรโชต นุ่นสพ รองสว.กก.5 บก.ปทส. พร้อมเจ้าหน้าที่ ตร.ปทส. นายประดุง จิตระออน หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอุทยานสมเด็จพระศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี นายทัศเนศวร์ เพชรคง หัวหน้า อุทยานแห่งชาติไทรโยค พร้อมประสานไปยังนายสัตวแพทย์สามารถ ประสิทธิผล หัวหน้ากลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์ จ.กาญจนบุรี สัตวแพทย์หญิง ทิพาพรรณ ปานลักษณ์ นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ (สบอ.3) สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง ) เข้าร่วมในการตรวจสอบตั๋วรูปพรรณช้าง พร้อมร่วมกันพิจารณาลักษณะของช้างทั้ง 10 เชือกให้แล้วเสร็จภายในวันนี้
แต่อย่างไรก็ตาม บรรยากาศในการร่วมพิจารณาภายในห้องประชุม สภ.ไทรโยค เจ้าหน้าที่ได้ถกกันอย่างเคร่งเครียด โดยใช้เวลาพิจารณากันมาตั้งแต่เวลา 10.00 น.แต่ก็ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดช้างเพิ่มอีก 2 เชือก อีก 8 เชือกอยู่ระหว่างการตรวจสอบให้ละเอียดแน่ชัดเสียก่อน และยังพบว่า พังเชอรี่ คือ นายเกิด ผายสุวรรณ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ 2 ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ นายไชยพงษ์ แสนดี เอาไว้ที่ สภ.ท่าตูม ในข้อหาปลอมแปลงลายมือเพื่อออกเอกสารตั๋วรูปพรรณช้างที่มีอยู่ในปางช้างไทรโยค เนื่องจากเจ้าหน้าที่สอบถามไปยังนายเกิด ซึ่งนายเกิด ตอบว่า ไม่เคยเซ็นลายมือในการออกตั๋วรูปพรรณให้กับนายไชยพงษ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่ง
พ.ต.ท.ณรงค์เดช กมลบุตร รองผกก.กก.5 บก.ปทส.กล่าวว่า ในวันนี้เราได้มีการนัดหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการร่วมกันตรวจสอบ เพื่อร่วมกันพิจารณาตั๋วรูปพรรณช้างว่า มีลักษณะตรงกันหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบร่วมกันพบช้างที่ตรวจยึดเพิ่ม 2 ตัว ส่วนอีก 8 ตัวอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อพิจารณาร่วมกัน ซึ่งคงต้องใช้เวลานานพอสมควร เบื้องต้นจากพิจารณาร่วมกันมีความเห็นพ้องกันว่า สมควรตรวจยึดช้าง 2 เชือก ประกอบด้วย "พังมะลิ" จากการตรวจสอบตั๋วได้ระบุว่าช้างเชือกดังกล่าวมีอายุเพียง 9 ปี และจากการพิจารณาร่วมกันพบว่าช้างเชือกดังกล่าวมีอายุประมาณ 50 ปี
และอีกเชือก คือ “พังปุ้มปุ้ย” จากการตรวจสอบอายุช้างจากตั๋วรูปพรรณช้าง ตาม ม.8.(1) ของ พ.ร.บ.สัตว์พาหนะ พ.ศ.2482 และตรวจสอบความผิดปกติของเอกสาร เชื่อว่า ช้างอายุประมาณ 5 ปี มีเล็บหน้า 10 หลัง 10 หูมีรูด้านขวา 1 รู ตั๋วลูกคอก ระบุชื่อนายสมศักดิ์ สุริยะวงศ์ กำนันตำบลลุ่มสุ่ม โดยนายสมศักดิ์ แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่า นายกฤษณะพงศ์ ลูกชายเจ้าของปางช้างนั้นขอยืมตั๋วรูปพรรณไปและยังไม่ได้นำมาคืน
ด้าน นายกฤษณะพงศ์ แสนดี ลูกชายเจ้าของปางช้างไทรโยค เปิดเผยว่า กรณีพังสีทอง อายุ 17 ปี ที่ล้มที่สถาบันคชบาล แห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ จ.ลำปาง เราไม่ทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อน ต่อมาเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ครอบครัวของตนได้เดินทางไปเยี่ยมช้างทั้ง 19 เชือกที่ถูกเจ้าหน้าที่ยึดไป โดยพวกตนเดินทางไปถึงเวลาประมาณ 10.00 น. เมื่อไปถึงจึงได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ให้ทราบว่าเรามาเยี่ยมช้าง ต่อมาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า พังสีทอง ที่ยึดมาได้ล้ม หรือเสียชีวิตลง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ในเวลาประมาณตีห้า หลังจากทราบว่าพังสีทองล้มสร้างความเสียใจให้กับครอบครัวของตนมาก เนื่องจากพังสีทอง ถือว่าเป็นช้างเพศเมียที่มีรูปร่างที่สวยงามมากที่สุดในบรรดาช้างที่มีทั้งหมด 51 เชือก
“แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สถาบันคชบาลฯ ไม่ได้แจ้งรายละเอียดการเสียชีวิตของพังสีทอง ให้เราทราบแต่อย่างใด แต่ได้แจ้งกับเราว่า ได้ทำการขุดหลุมฝังไปเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้พาเราไปดูที่หลุมฝังพังสีทอง และเท่าที่ทราบพังสีทอง กำลังตั้งท้องอีกด้วย แต่ไม่ทราบว่าตั้งท้องได้กี่เดือน ส่วนการดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นครอบครัวของผมยังไม่มีการพูดคุยหรือดำเนินการอะไรแต่อย่างใด”
หลังจากที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบช.ก.พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบปางช้างไทรโยค เมื่อวันที่ 25 ม.ค.55 ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบช้าง 51 เชือก ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดและขนย้ายส่งไปยังสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ จ.ลำปาง ทั้งสิ้น 19 เชือก แต่ยังคงเหลือช้างที่เจ้าหน้าที่อายัดไว้ตรวจสอบอีก 10 เชือก และวันนี้ (23 มี.ค.) เป็นวันสุดท้ายที่ทางเจ้าหน้าที่ให้โอกาสปางช้างไทรโยค นำเอกสารมายืนยันที่มาและความถูกต้องของช้าง 10 เชือก
ล่าสุด วันนี้ (23 มี.ค.) พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบช.ก.ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผกก.กก.5 บก.ปทส. พ.ต.ท.ณรงค์เดช กมลบุตร รองผกก.กก.5 บก.ปทส. พ.ต.ท.พรเทพ อินทรบ้าน สว.กก.5 บก.ปทส. ร.ต.ต.ธีรโชต นุ่นสพ รองสว.กก.5 บก.ปทส. พร้อมเจ้าหน้าที่ ตร.ปทส. นายประดุง จิตระออน หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอุทยานสมเด็จพระศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี นายทัศเนศวร์ เพชรคง หัวหน้า อุทยานแห่งชาติไทรโยค พร้อมประสานไปยังนายสัตวแพทย์สามารถ ประสิทธิผล หัวหน้ากลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์ จ.กาญจนบุรี สัตวแพทย์หญิง ทิพาพรรณ ปานลักษณ์ นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ (สบอ.3) สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง ) เข้าร่วมในการตรวจสอบตั๋วรูปพรรณช้าง พร้อมร่วมกันพิจารณาลักษณะของช้างทั้ง 10 เชือกให้แล้วเสร็จภายในวันนี้
แต่อย่างไรก็ตาม บรรยากาศในการร่วมพิจารณาภายในห้องประชุม สภ.ไทรโยค เจ้าหน้าที่ได้ถกกันอย่างเคร่งเครียด โดยใช้เวลาพิจารณากันมาตั้งแต่เวลา 10.00 น.แต่ก็ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดช้างเพิ่มอีก 2 เชือก อีก 8 เชือกอยู่ระหว่างการตรวจสอบให้ละเอียดแน่ชัดเสียก่อน และยังพบว่า พังเชอรี่ คือ นายเกิด ผายสุวรรณ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ 2 ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ นายไชยพงษ์ แสนดี เอาไว้ที่ สภ.ท่าตูม ในข้อหาปลอมแปลงลายมือเพื่อออกเอกสารตั๋วรูปพรรณช้างที่มีอยู่ในปางช้างไทรโยค เนื่องจากเจ้าหน้าที่สอบถามไปยังนายเกิด ซึ่งนายเกิด ตอบว่า ไม่เคยเซ็นลายมือในการออกตั๋วรูปพรรณให้กับนายไชยพงษ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่ง
พ.ต.ท.ณรงค์เดช กมลบุตร รองผกก.กก.5 บก.ปทส.กล่าวว่า ในวันนี้เราได้มีการนัดหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการร่วมกันตรวจสอบ เพื่อร่วมกันพิจารณาตั๋วรูปพรรณช้างว่า มีลักษณะตรงกันหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบร่วมกันพบช้างที่ตรวจยึดเพิ่ม 2 ตัว ส่วนอีก 8 ตัวอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อพิจารณาร่วมกัน ซึ่งคงต้องใช้เวลานานพอสมควร เบื้องต้นจากพิจารณาร่วมกันมีความเห็นพ้องกันว่า สมควรตรวจยึดช้าง 2 เชือก ประกอบด้วย "พังมะลิ" จากการตรวจสอบตั๋วได้ระบุว่าช้างเชือกดังกล่าวมีอายุเพียง 9 ปี และจากการพิจารณาร่วมกันพบว่าช้างเชือกดังกล่าวมีอายุประมาณ 50 ปี
และอีกเชือก คือ “พังปุ้มปุ้ย” จากการตรวจสอบอายุช้างจากตั๋วรูปพรรณช้าง ตาม ม.8.(1) ของ พ.ร.บ.สัตว์พาหนะ พ.ศ.2482 และตรวจสอบความผิดปกติของเอกสาร เชื่อว่า ช้างอายุประมาณ 5 ปี มีเล็บหน้า 10 หลัง 10 หูมีรูด้านขวา 1 รู ตั๋วลูกคอก ระบุชื่อนายสมศักดิ์ สุริยะวงศ์ กำนันตำบลลุ่มสุ่ม โดยนายสมศักดิ์ แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่า นายกฤษณะพงศ์ ลูกชายเจ้าของปางช้างนั้นขอยืมตั๋วรูปพรรณไปและยังไม่ได้นำมาคืน
ด้าน นายกฤษณะพงศ์ แสนดี ลูกชายเจ้าของปางช้างไทรโยค เปิดเผยว่า กรณีพังสีทอง อายุ 17 ปี ที่ล้มที่สถาบันคชบาล แห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ จ.ลำปาง เราไม่ทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อน ต่อมาเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ครอบครัวของตนได้เดินทางไปเยี่ยมช้างทั้ง 19 เชือกที่ถูกเจ้าหน้าที่ยึดไป โดยพวกตนเดินทางไปถึงเวลาประมาณ 10.00 น. เมื่อไปถึงจึงได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ให้ทราบว่าเรามาเยี่ยมช้าง ต่อมาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า พังสีทอง ที่ยึดมาได้ล้ม หรือเสียชีวิตลง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ในเวลาประมาณตีห้า หลังจากทราบว่าพังสีทองล้มสร้างความเสียใจให้กับครอบครัวของตนมาก เนื่องจากพังสีทอง ถือว่าเป็นช้างเพศเมียที่มีรูปร่างที่สวยงามมากที่สุดในบรรดาช้างที่มีทั้งหมด 51 เชือก
“แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สถาบันคชบาลฯ ไม่ได้แจ้งรายละเอียดการเสียชีวิตของพังสีทอง ให้เราทราบแต่อย่างใด แต่ได้แจ้งกับเราว่า ได้ทำการขุดหลุมฝังไปเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้พาเราไปดูที่หลุมฝังพังสีทอง และเท่าที่ทราบพังสีทอง กำลังตั้งท้องอีกด้วย แต่ไม่ทราบว่าตั้งท้องได้กี่เดือน ส่วนการดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นครอบครัวของผมยังไม่มีการพูดคุยหรือดำเนินการอะไรแต่อย่างใด”