กาญจนบุรี - การขนย้ายช้าง 19 เชือกจากปางช้างไทรโยคไปยังสถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์ ลำปาง วันแรกวุ่น เมื่อทนายความปางช้างไทรโยค พร้อมแกนนำม็อบมันสำปะหลังและควาญช้าง รวมตัวกันปิดประตูขัดขวางการย้าย การปฏิบัติหน้าที่ของ รองผบช.ก.และกรมอุทยานฯ หลังนำหมายค้นเข้าตรวจยึดช้าง 19 เชือก
เมื่อเวลา 08.30 น.วันนี้ (29 ก.พ.) ที่บริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าปางช้างไทรโยค เลขที่ 30/2 หมู่ 3 ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ของ นายไชยพงษ์ หรือ เสี่ยวินัย แสนดี อายุ 67 ปี คณะเจ้าหน้าที่ นำโดย พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบช.ก.เจ้าหน้าที่ ตร.บก.ปทส.เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรโยค ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 200 นาย พร้อมหมายค้นศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 163/2555 เข้าตรวจค้นปางช้างดังกล่าวเพื่อขนย้ายช้างที่ตรวจยึดเอาไว้ทั้งหมด 19 เชือก โดยจะขนย้ายไปยังสถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์ จ.ลำปาง ในวันนี้
แต่ปรากฏว่า ถูกกลุ่มของนายชะลอ ประจันแดง ทนายความปางช้าง นายรังสี ไผ่สะอาด สมาชิก อบต.ลุ่มสุ่ม และเป็นแกนนำชาวไร่มันสำปะหลัง เจ้าหน้าที่ปางช้างไทรโยค รวมทั้งควาญช้าง ได้นำประตูเหล็กมาปิดกั้นประตูทางเข้าเพื่อขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่
สำหรับบรรยากาศผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงพบกลุ่มชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยกับการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ ได้นำประตูเหล็กมาปิดกั้นเอาไว้ พร้อมชูป้ายประท้วงและขวางไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไปภายใน ทั้งที่ พล.ต.ต.ศรีวราห์ ได้แสดงหมายค้นให้กับทนายความและกลุ่มชาวบ้านได้เห็นอย่างชัดเจน แต่ผู้ชุมนุมก็ไม่ยอมเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่เข้าไป แม้ รองผบช.ก.จึงให้พนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค อ่านหมายค้นศาลจังหวัดกาญจนบุรีผ่านเครื่องขยายเสียงจนจบ รวม 2 รอบ แต่กลุ่ม นายชะลอ ประจันแดง ทนายความ และนายรังษี ไผ่สะอาด แกนนำ พนักงาน รวมทั้งควาญช้างก็ยังไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไป และมีการพูดจาโต้เถียงกันระหว่าง รอง ผบช.ก.และทนายความปางช้างตลอดเวลา
ต่อมาเวลา 10.25 น.นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมายังจุดดังกล่าว และได้พูดคุยกับนายชะลอ ประจันแดง ทนายความ ต่อหน้า พล.ต.ต.ศรีวราห์ ซึ่ง นางศรีสมร ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า หลังจากทราบข่าวจึงได้เดินทางมาเพื่อสังเกตการณ์เท่านั้น หากข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หลังจากนั้น นางศรีสมร ได้เดินทางกลับ
ต่อมาเวลา 10.40 น. พล.ต.ต.ศรีวราห์ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ศุภฤกษ์ ไชยภูมิสกุล พนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค อ่านหมายค้นเป็นครั้งที่ 3 พร้อมเจ้าหน้าที่และเครื่องมือตัดเหล็กเตรียมที่จะตัดกุญแจและโซ่เหล็ก ต่อจากนั้น ทนายความ จึงได้ยินยอมเปิดประตูให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเข้าไปภายใน โดยมีพื่อความรอบคอบ พล.ต.ต.ศรีวราห์ จึงได้ให้พนักงานสอบสวนขานชื่อเจ้าหน้าที่ที่เข้าปฏิบัติการทุกคน โดยตรวจค้นเจ้าหน้าที่และห้ามพกพาอาวุธทุกชนิดเข้าไปภายในปางช้าง
ต่อมาเวลา 11.00 น.นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมคณะ เดินทางมาถึงปางช้างไทรโยค พร้อมพูดคุยกับ พล.ต.ต.ศรีวราห์ เป็นการส่วนตัวโดยไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่รวมทั้งกองทัพสื่อมวลชนร่วมรับฟัง จากนั้นนายดำรงค์ และ พล.ต.ต.ศรีวราห์ ได้เจรจากับนายชะลอ ประจันแดง ทนายความ รวมทั้งลูกสาวเจ้าของปางช้าง
โดยผลการเจรจาดังกล่าว สรุปว่า ทางปางช้างไทรโยค ยินยอมให้เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯขนย้ายช้างทั้งหมด 19 เชือกไปยังสถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์ จ.ลำปาง โดยมีข้อแม้ว่าเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบจะต้องดูแลเลี้ยงดูช้างให้เป็นอย่างดีและหากช้างเป็นอะไร เจ้าหน้าที่จะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด
นายดำรงค์ ได้กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาเพื่อตรวจยึดช้างเนื่องจากคณะกรรมการร่วม 3 ฝ่ายได้ตรวจกันตรวจสอบ และมีความเห็นร่วมกันช้าง 19 เชือก ไม่ตรงกับตั๋วรูปพรรณ ดังนั้น จึงทำให้ช้าง 19 เชือก มีสถานะตกเป็นของกลางตาม พ.ร.บ.สัตว์ และจากระเบียบของกรมป่าไม้ปี 30 ของกลางต้องนำไปให้ อ.อ.ป.เก็บรักษาดูแล ดังนั้น จึงต้องมาขนย้ายนำส่ง อ.อ.ป.ที่ จ.ลำปางต่อไป
ซึ่งเจ้าหน้าที่ และควาญช้างจากสถาบันคชบาลฯ ทั้งหมด 50 นาย นำรถบรรทุกมาทั้งหมด 12 คัน ซึ่งในวันนี้จะมีการเคลื่อนย้ายช้างทั้ง 19 เชือก โดยจะขนช้างไป จ.ลำปางก่อน 13 เชือก เป็นช้างใหญ่ 12 เชือก ลูกช้าง 1 เชือก ส่วนช้างที่เหลืออีก 6 เชือก เจ้าหน้าที่จะนำไปไว้ที่โรงพยาบาลสัตว์และสัตว์ป่ามหาวิทยาลัยมหิดล ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค เป็นการชั่วคราว
ต่อมาเวลา 12.20 น.เจ้าหน้าที่จึงสามารถนำช้างขึ้นบนรถบรรทุกได้เป็นตัวแรก คือ พังดก หรือ พังลินดา โดยช้างเชือกดังกล่าวระบุในตั๋วรูปพรรณว่า มีอายุเพียง 16 ปี แต่การพิสูจน์จากหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญพบว่ามีอายุถึง 40 ปี โดยรถบรรทุกได้นำไปส่งมอบต่อโรงพยาบาลปศุสัตว์และสัตว์ป่า ม.มหิดล ส่วนที่เหลือดำเนินการคัดแยกและจูงออกมาเพื่อเตรียมขนย้ายอย่างยากลำบาก
