อุดรธานี-ตำรวจเมืองอุดรฯแถลงข่าวรวบ 6 ผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์พร้อมสมุดบัญชีกว่า 100 เล่ม อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ปปง.หลอกเหยื่อให้โอนเงินเข้าบัญชี เหยื่อรายล่าสุดเสียท่าสูญเงินกว่า 4 ล้านบาท เผยหัวหน้าแก๊งเป็นสองผัวเมียไทย-ไต้หวันตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ไต้หวัน
วันนี้(24มี.ค.) ที่ หน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองอุดรธานี พ.ต.อ.โกวิท เจริญวัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ต.ประเสริฐ ธรรมชัย สวป.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ร่วมกันแถลงผลจับการกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (call center) ซึ่งสามารถจับผู้ต้องหาได้ 6 ราย
ประกอบด้วย นายพงษ์เดช กัลยา อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 82 ม.18 บ้านสันเจริญ ต.ป่าแงะ ต.ป่าแดด จ.พะเยา นายธนพล เย็นมานัส อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 389/8 ม.6 ต.โพธิ์พระยา อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี น.ส.นิตยา สมบูรณ์ อายุ 21 ปี บ้านเลขที่ 82 ม.18 บ้านสันเจริญ ต.ป่าแงะ อ.ป่าแด จ.พะเยา ซึ่งเป็นภรรยาของนายพงษ์เดช น.ส.นัน แสนใจ อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 234 ม.9 ต.ป่าแงะ อ.ป่าแดด จ.พะเยา น.ส.นา นาดอน อายุ 25 ปี บ้านเลขที่ 279 ม.9 ต.ป่านาทราย อ.เมือง จ.เชียงราย และ น.ส. สุวรรณา เย็นเป็นสุข อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 36/9 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี
การจับกุมครั้งนี้สามารถยึดของกลาง ประกอบด้วย สมุดบัญชีพร้อมเอทีเอ็มธนาคารกสิกรไทย 3 เล่ม ธนาคารกรุงเทพ 100 เล่ม ธนาคารกรุงไทย 1 เล่ม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 2 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง คอมพิวเตอร์เน็ตบุ๊กพร้อมเครื่องสกรีมมิ่ง 1 ชุด โดยตั้งข้อหาว่าร่วมกันหลอกลวงฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน
การจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจากวันที่ 12 มีนาคม 2555 นางมยุรี แก้วบัวระวัติ อายุ 49 ปี ที่อยู่91/34 ถ.โพธิ์ศรีชมชื่น ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีกลุ่มคนร้ายใช้โทรศัพท์มาหลอกลวงว่า เป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน อ้างว่าบัญชีของตนมีการโอนเงินจากขบวนการค้ายาเสพติดโอนเข้าไป
ทั้งนี้ หากไม่ต้องการถูกยึดทรัพย์ให้โอนเงินไปพักไว้ในบัญชีอื่นๆ ตามที่จะแจ้งให้ทราบ ซึ่งตนก็ได้หลงเชื่อจึงโอนเงินเข้าไปให้ตามที่บอก รวมเงินแล้วประมาณ 4,330,000 บาท
จากการสืบสวนติดตามพบว่ามี Mr.Chen Chia Ching อายุ 52 ปี ชาวไต้หวัน และนางดลวรรณ เฉิน อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 หมู่ 18 ต.ป่าแงะ อ.ป่าแดด จ.เชียงราย เป็นตัวการใหญ่ และมีผู้ต้องหาอีก 6 รายดังกล่าวเป็นเครือข่ายรวมขบวนการจึงได้วางแผนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพะเยาทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด
ผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า น.ส.นิตย์ สมบูรณ์ ซึ่งเป็นลูกสาวของ นางดลวรรณ คอยทำหน้าที่โอนเงินเงินที่เบิกได้จากธนาคารต่างๆไปให้ นางดลวรรณ ที่ประเทศไต้หวัน นายธนพล เย็นมานัส นายศักดิ์โชติ หรือ ดุลย์ ไมตรีแพวง อายุ 36 ปี นายพงษ์เดช กัลยา อายุ 24 ปี เป็นกลุ่มคนคอยจัดหาคนไปทำการเปิดบัญชี และนำเอาบัตร เอ ที เอ็ม ไปให้นายธนพลรูดผ่านเครื่องสกรีมมิ่ง เพื่อให้ทราบหมายเลขบัญชี เอ ที เอ็ม. ของแต่ละคน จะไปขึ้นอยู่ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วก็จะส่งหมายเลขบัตร เอ ที เอ็ม ไปที่ประเทศไต้หวัน จากนั้นกลุ่มที่อยู่ที่ประเทศไต้หวันก็จะทำบัตร เอ ที เอ็ม ใหม่ เพื่อเบิกเงินจากธนาคารอีกครั้งหนึ่ง
พ.ต.อ.โกวิทเปิดเผยว่า จากการที่ผู้ต้องหาแสดงการรูดบัตรผ่านเครื่องสกริมมิ่ง และมีหมายเลขบัตร เอ ที เอ็ม โชว์ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์นั้น รู้สึกเป็นห่วงต่อการกระทำผิดทางอาชญากรรมด้านการเงินมากขึ้น และเป็นห่วงว่าเครื่องมือประเภทนี้ปกติจะมีใช้เฉพาะในสถาบันการเงิน แต่ปรากฏออกมาใช้ได้ทั่วไปอย่างนี้ นอกจากนี้ทราบว่าในขณะนี้นายเฉินและ นางดลวรรณถูกทางการประเทศไต้หวัน ดำเนินคดีในข้อหาว่าฟอกเงินอยู่ที่ประเทศไต้หวัน
ในส่วนของนางดลวรรณ ได้มีการประสานงานไปยังประเทศไต้หวันขออายัดตัว เพื่อจะได้นำเอากลับมาดำเนินคดีในข้อหาว่าหลอกลวงประชาชน และฟอกเงิน ในประเทศไทยต่อไป
ทั้งนี้ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่แอบอ้าง ปปง.นั้น นอกจากจะถูกเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ดำเนินคดีข้อหาร่วมกัน ฉ้อโกงประชาชน และข้อหามีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตร อิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นหรือประชาชน กลุ่มผู้ต้องหาเหล่านี้ จะต้องถูก ปปง. เอาผิดในฐานความผิดการฟอกเงิน และจะถูกตามยึดทรัพย์ด้วย