รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินเหยื่อหลงเชื่อสูญ 4.3 ล้านบาท พบเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 10 ล้านเตรียมให้ ปปง.ดำเนินการยึดทรัพย์แล้ว รับสารภาพเป็นกลุ่มที่เคยก่อเหตุและหลบซ่อนตัวในไทย และไต้หวัน โดยมีหน้าที่จัดหาคนรับจ้างเปิดสมุดบัญชี-เอทีเอ็มจากชาวบ้านภาคเหนือ
วันนี้ (23 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผบช.ก.พร้อมด้วย พล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ผบก.ทท. พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ ผกก.3 บก.ทท.หัวหน้าชุดจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวันประจำประเทศไทย และตัวแทนจากธนาคารที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงการจับกุมผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชนผ่านโทรศัพท์ (VOIP) 3 ราย ทราบชื่อคือ นายพงษ์เดช กัลยา อายุ 24 ปี น.ส.นิตยา สมบูรณ์ อายุ 21 ปี โดยสามารถจับกุมได้ภายในบ้านเลขที่ 82 ม.18 ต.ป่าแงะ อ.ป่าแดด จ.เชียงราย และ นายธนพล เย็นมานัส อายุ 35 ปี จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 389/8 ม.6 ต.โพธิ์พระยา อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี พร้อมของกลางบัตรเอทีเอ็ม 45 ใบ สมุดบัญชีเงินฝาก 31 เล่ม เอกสารรายชื่อบุคคล หมายเลขบัตรประชาชน 2 เล่ม กลุ่มเลขบัตรเอทีเอ็ม 6 แผ่น โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง
พล.ต.ต.อดิศร์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8-10 มี.ค.ที่ผ่านมา มีกลุ่มคนร้ายโทรศัพท์มาหลอกลวงผู้เสียหายทางโทรศัพท์มือถือให้หลงเชื่อแล้วโอนเงินให้ 4,330,000 บาท ซึ่งผู้เสียหายได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี จากนั้นผู้บังคับบัญชาจึงได้ให้หน่วยงานของ บช.ก.ที่เกี่ยวข้องเร่งสืบสวน
จากการตรวจสอบพบว่า เป็นกลุ่มจัดหาสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็ม ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลแล้วจะจัดส่งไปยังประเทศไต้หวันโดยใช้เครื่องสกริมเมอร์ (skimmer) ซึ่งนำมาใช้เพื่อคัดลอกข้อมูลจากบัตรเอทีเอ็มส่งผ่านทางอีเมล์แจ้งรายละเอียดข้อมูลหมายเลขบัญชีธนาคาร ชื่อ ประวัติ และรหัสการถอนเงินจากบัตรเอทีเอ็มเจ้าของบัญชีให้นางดลวรรณ เฉิน และ นายเชียชิง เฉิน (Mr.SHEN CHIA CHING) สองสามีภรรยา ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง โดยจะเดินทางไปกลับระหว่าง อ.ป่าแดด จ.เชียงราย และประเทศไต้หวัน ส่วนกลุ่มม้าเร็วที่คอยถอนเงินจะมีบางส่วนอยู่ในประเทศไทย แต่ส่วนใหญ่อยู่ที่ประเทศไต้หวัน โดยทั้งสองคนได้ถูกจับกุมตัวขณะกำลังเดินทางหลบหนีออกจากอยู่ที่ประเทศไต้หวัน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาตามความผิดฐานฟอกเงินและพบมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 10 ล้านบาท โดยจะประสาน ปปง.เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ต่อไป
พล.ต.ต.อดิศร์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่า คนร้ายทั้ง 3 คนดังกล่าวให้การรับสารภาพว่า เป็นกลุ่มเดียวกันที่เคยก่อเหตุและหลบซ่อนตัวอยู่ทั้งในประเทศไทยและไต้หวัน โดยนายพงษ์เดช ทำหน้าที่จัดหาคนรับจ้างเปิดสมุดบัญชี พร้อมบัตรเอทีเอ็มจากชาวบ้านภาคเหนือและรับคำสั่งจากนางดลวรรณให้คัดเลือกบัตรและคัดลอกข้อมูลบัตรส่งไปยังประเทศไต้หวัน ส่วนน.ส.นิตยา ลูกสาวของนางดลวรรณทำหน้าที่เหมือนเป็นเลขานุการและดูแลบัญชีให้ตลอดจนโอนเงินค่าตอบแทนให้หัวหน้ากลุ่มที่จัดหาบัญชี และ นายธนพล ทำหน้าที่จัดหาสมุดบัญชี พร้อมบัตรเอทีเอ็มจากชาวบ้านในพื้นที่ภาคกลาง ตะวันออก ตะวันตก และภาคใต้ อย่างไรก็ตามหากมีหมายเลขบัญชี ชื่อของผู้เสียหาย สามารถโทรไปตรวจสอบได้ที่้เบอร์ 1555 ตำรวจท่องเที่ยว หรือท้องที่สภ.เมืองอุดรธานีได้ทันที เพื่อติดตามจำนวนเงินที่สูญหายไป ทั้งนี้ จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวน เพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป
ด้าน นางเพียงเพ็ญ จิระพันธุ์ เจ้าหน้าที่บริการการเงินอิเล็กทรอนิกส์ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ หากมีโทรศัพท์จากธนาคารต่างๆ โทรศัพท์เข้ามาสอบถามข้อมูลส่วนตัวทั้งรหัสบัตรประชาชนหรือจำนวนเงินในบัญชี ซึ่งนโยบายทุกธนาคารไม่มีการให้ลูกค้าไปฝากเงินกับแบงก์ชาติ หรือให้ ปปง.ตรวจสอบเงิน ถ้ามีโทรศัพท์พูดถึงกรณีดังกล่าวไม่ต้องคุยด้วยให้ตัดสายทิ้ง เพราะเป็นกลุ่มมิจฉาชีพมาหลอกลวงได้
วันนี้ (23 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผบช.ก.พร้อมด้วย พล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ผบก.ทท. พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ ผกก.3 บก.ทท.หัวหน้าชุดจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวันประจำประเทศไทย และตัวแทนจากธนาคารที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงการจับกุมผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชนผ่านโทรศัพท์ (VOIP) 3 ราย ทราบชื่อคือ นายพงษ์เดช กัลยา อายุ 24 ปี น.ส.นิตยา สมบูรณ์ อายุ 21 ปี โดยสามารถจับกุมได้ภายในบ้านเลขที่ 82 ม.18 ต.ป่าแงะ อ.ป่าแดด จ.เชียงราย และ นายธนพล เย็นมานัส อายุ 35 ปี จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 389/8 ม.6 ต.โพธิ์พระยา อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี พร้อมของกลางบัตรเอทีเอ็ม 45 ใบ สมุดบัญชีเงินฝาก 31 เล่ม เอกสารรายชื่อบุคคล หมายเลขบัตรประชาชน 2 เล่ม กลุ่มเลขบัตรเอทีเอ็ม 6 แผ่น โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง
พล.ต.ต.อดิศร์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8-10 มี.ค.ที่ผ่านมา มีกลุ่มคนร้ายโทรศัพท์มาหลอกลวงผู้เสียหายทางโทรศัพท์มือถือให้หลงเชื่อแล้วโอนเงินให้ 4,330,000 บาท ซึ่งผู้เสียหายได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี จากนั้นผู้บังคับบัญชาจึงได้ให้หน่วยงานของ บช.ก.ที่เกี่ยวข้องเร่งสืบสวน
จากการตรวจสอบพบว่า เป็นกลุ่มจัดหาสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็ม ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลแล้วจะจัดส่งไปยังประเทศไต้หวันโดยใช้เครื่องสกริมเมอร์ (skimmer) ซึ่งนำมาใช้เพื่อคัดลอกข้อมูลจากบัตรเอทีเอ็มส่งผ่านทางอีเมล์แจ้งรายละเอียดข้อมูลหมายเลขบัญชีธนาคาร ชื่อ ประวัติ และรหัสการถอนเงินจากบัตรเอทีเอ็มเจ้าของบัญชีให้นางดลวรรณ เฉิน และ นายเชียชิง เฉิน (Mr.SHEN CHIA CHING) สองสามีภรรยา ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง โดยจะเดินทางไปกลับระหว่าง อ.ป่าแดด จ.เชียงราย และประเทศไต้หวัน ส่วนกลุ่มม้าเร็วที่คอยถอนเงินจะมีบางส่วนอยู่ในประเทศไทย แต่ส่วนใหญ่อยู่ที่ประเทศไต้หวัน โดยทั้งสองคนได้ถูกจับกุมตัวขณะกำลังเดินทางหลบหนีออกจากอยู่ที่ประเทศไต้หวัน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาตามความผิดฐานฟอกเงินและพบมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 10 ล้านบาท โดยจะประสาน ปปง.เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ต่อไป
พล.ต.ต.อดิศร์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่า คนร้ายทั้ง 3 คนดังกล่าวให้การรับสารภาพว่า เป็นกลุ่มเดียวกันที่เคยก่อเหตุและหลบซ่อนตัวอยู่ทั้งในประเทศไทยและไต้หวัน โดยนายพงษ์เดช ทำหน้าที่จัดหาคนรับจ้างเปิดสมุดบัญชี พร้อมบัตรเอทีเอ็มจากชาวบ้านภาคเหนือและรับคำสั่งจากนางดลวรรณให้คัดเลือกบัตรและคัดลอกข้อมูลบัตรส่งไปยังประเทศไต้หวัน ส่วนน.ส.นิตยา ลูกสาวของนางดลวรรณทำหน้าที่เหมือนเป็นเลขานุการและดูแลบัญชีให้ตลอดจนโอนเงินค่าตอบแทนให้หัวหน้ากลุ่มที่จัดหาบัญชี และ นายธนพล ทำหน้าที่จัดหาสมุดบัญชี พร้อมบัตรเอทีเอ็มจากชาวบ้านในพื้นที่ภาคกลาง ตะวันออก ตะวันตก และภาคใต้ อย่างไรก็ตามหากมีหมายเลขบัญชี ชื่อของผู้เสียหาย สามารถโทรไปตรวจสอบได้ที่้เบอร์ 1555 ตำรวจท่องเที่ยว หรือท้องที่สภ.เมืองอุดรธานีได้ทันที เพื่อติดตามจำนวนเงินที่สูญหายไป ทั้งนี้ จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวน เพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป
ด้าน นางเพียงเพ็ญ จิระพันธุ์ เจ้าหน้าที่บริการการเงินอิเล็กทรอนิกส์ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ หากมีโทรศัพท์จากธนาคารต่างๆ โทรศัพท์เข้ามาสอบถามข้อมูลส่วนตัวทั้งรหัสบัตรประชาชนหรือจำนวนเงินในบัญชี ซึ่งนโยบายทุกธนาคารไม่มีการให้ลูกค้าไปฝากเงินกับแบงก์ชาติ หรือให้ ปปง.ตรวจสอบเงิน ถ้ามีโทรศัพท์พูดถึงกรณีดังกล่าวไม่ต้องคุยด้วยให้ตัดสายทิ้ง เพราะเป็นกลุ่มมิจฉาชีพมาหลอกลวงได้