นครบาลแถลงโชว์จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน ใช้วิธีโทร.หลอกเหยื่อว่าได้จับตัวญาติ หรือลูกสาวไว้เป็นตัวประกัน ให้นำเงินไปไถ่ตัว มีข้าราชการบำนาญวัย 75 ปี สูญเงินกว่า 6 แสน ขณะที่ผู้ต้องหารับสารภาพ เคยก่อเหตุมาแล้ว 4 ครั้ง อ้างมีหน้าที่รับโทรศัพท์และกดรับเงินเท่านั้น จะเน้นเหยื่อผู้สูงอายุ อ้างจำเป็นต้องทำ เพราะตกงานและต้องดูแลครอบครัว
วันนี้ (28 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รรท.รองผบช.น. แถลงการจับกุม นายธนาวุฒิ แซ่หม่อ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 784 หมู่ 1 ต.วารี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย พร้อมของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง ในคดีฉ้อโกงประชาชน ท้องที่ สน.ตลิ่งชัน สามารถจับกุมได้ที่ห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาปิ่นเกล้า แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กทม.
พล.ต.ท.วินัยเปิดเผยว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้มีชาวต่างชาติเชื้อสายจีนร่วมกระบวนการในครั้งนี้ด้วย โดยการใช้โทรศัพท์ไปหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการอ้างว่าทางเราได้ทำการจับตัวญาติของผู้เสียหายไว้เป็นตัวประกัน แล้วให้นำเงินมาไถ่ตัวประกัน จากนั้นทำการข่มขู่ และออกกลอุบายหลอกให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าได้จับญาติมาเป็นตัวประกันแล้วจริงๆ พร้อมทั้งข่มขู่ว่าถ้าไม่เชื่อจะเกิดอันตรายต่อชีวิต และร่างกายของเหยื่อได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวและหลงเชื่อในที่สุด
ทั้งนี้ การจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้ในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจาก พล.ร.ท.สมบัติ ไชยทรัพย์ อายุ 75 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย ซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญ แจ้งมาว่าได้มีคนร้ายโทรศัพท์ติดต่อมาที่บ้านพัก แล้วข่มขู่ว่าถ้าอยากได้ลูกสาวคืนให้เอาเงินมาให้จำนวน 690,000 บาท เพื่อแลกกับชีวิตลูกสาว ถ้าไม่เอาเงินมาให้จะตัดแขนและขาส่งให้ทีละชิ้น และห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกกับตำรวจเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นลูกสาวจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตแน่ ต่อมาขณะที่กำลังคุยโทรศัพท์กับคนร้ายอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงคล้ายลูกสาวของตนร้องขอความช่วยเหลือ จึงทำให้เกิดความหวาดกลัวว่าลูกสาวจะได้รับอันตราย และเชื่อว่าลูกสาวถูกจับจริง จึงได้นำเงินจำนวน 690,000 บาทมาเตรียมไว้ ก่อนที่คนร้ายจะนัดหมายให้ไปที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขาบางแค โดยระหว่างทางผู้เสียหายได้โทรศัพท์ติดต่อกับคนร้ายตลอดเวลา ซึ่งเมื่อมาถึงจุดนัดหมาย คนร้ายได้มารับเงินไปจากผู้เสียหายแล้วหลบหนีไป พร้อมกันนี้ ผู้เสียหายได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้หลังจากที่คนร้ายได้นำเงินไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ตลิ่งชัน ได้สืบสวนติดตามจับกุมตัวยคนร้ายได้ที่ห้างสรรพสินค้าโลตัสปิ่นเกล้า พร้อมทั้งนำตัวคนร้ายส่งให้พนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สิน, ร่วมกันฉ้อโกง
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เคยก่อเหตุมาแล้วถึง 4 ครั้ง โดยครั้งแรก ได้เงินไปจำนวน 690,000 บาท ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ไม่ได้เงิน เนื่องจากผู้เสียหายไม่มา และครั้งที่ 4 ผู้เสียหายเตรียมเงินมาให้จำนวน 190,000 บาท และมาถูกจับกุมได้ในที่สุด ทั้งนี้ คนร้ายยังอ้างว่ามีหน้าที่เพียงรับโทรศัพท์และกดรับเงินเท่านั้น และจะเน้นผู้เสียหายที่เป็นผู้สูงอายุ โดยบอกว่าก่อนหน้านี้ทราบดีว่าเงินที่ได้รับมานี้เป็นเงินที่ไม่ถูกกฏหมาย แต่ไม่ทราบมาก่อนว่าจะเป็นเงินที่ได้ด้วยการไปโทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหายมา ซึ่งได้รับค่าจ้างครั้งละ 5,000 บาท จากคนที่รู้จักกันเป็นชาวจีน ซึ่งได้ขายของอยู่ที่ประตูน้ำ สาเหตุที่ตัดสินใจทำ เพราะตกงาน และมีครอบครัวที่ต้องดูแล
นอกจากนี้ พล.ต.ท.วินัยกล่าวว่า ผู้เสียหายอีก 2 คดีนั้น ทางเจ้าหน้าที่กำลังทำการตรวจสอบ และรวบรวมหมายเลขโทรศัพท์ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้โทร.ออกไปหลอกลวงผู้เสียหาย เพราะตำรวจเชื่อว่าแก๊งนี้ทำงานกันเป็นขบวนการ โดยมีอยู่มากแน่นอน และอยากจะฝากบอกประชาชนที่เจอแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่โทรศัพท์มาหลอกลวงในลักษณะนี้ ซึ่งอยากให้ติดต่อไปถามทางญาติของตนเองที่ถูกอ้างว่าโดนจับตัวไปก่อนว่าถูกจับไปจริงๆหรือไม่ หลังจากนั้นก็ให้ติดต่อและแจ้งความมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อทำการตรวจสอบต่อไป จะได้ไม่ต้องหลงกลและพลาดท่าเสียเงินให้กับกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้อีก
วันนี้ (28 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รรท.รองผบช.น. แถลงการจับกุม นายธนาวุฒิ แซ่หม่อ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 784 หมู่ 1 ต.วารี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย พร้อมของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง ในคดีฉ้อโกงประชาชน ท้องที่ สน.ตลิ่งชัน สามารถจับกุมได้ที่ห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาปิ่นเกล้า แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กทม.
พล.ต.ท.วินัยเปิดเผยว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้มีชาวต่างชาติเชื้อสายจีนร่วมกระบวนการในครั้งนี้ด้วย โดยการใช้โทรศัพท์ไปหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการอ้างว่าทางเราได้ทำการจับตัวญาติของผู้เสียหายไว้เป็นตัวประกัน แล้วให้นำเงินมาไถ่ตัวประกัน จากนั้นทำการข่มขู่ และออกกลอุบายหลอกให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าได้จับญาติมาเป็นตัวประกันแล้วจริงๆ พร้อมทั้งข่มขู่ว่าถ้าไม่เชื่อจะเกิดอันตรายต่อชีวิต และร่างกายของเหยื่อได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวและหลงเชื่อในที่สุด
ทั้งนี้ การจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้ในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจาก พล.ร.ท.สมบัติ ไชยทรัพย์ อายุ 75 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย ซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญ แจ้งมาว่าได้มีคนร้ายโทรศัพท์ติดต่อมาที่บ้านพัก แล้วข่มขู่ว่าถ้าอยากได้ลูกสาวคืนให้เอาเงินมาให้จำนวน 690,000 บาท เพื่อแลกกับชีวิตลูกสาว ถ้าไม่เอาเงินมาให้จะตัดแขนและขาส่งให้ทีละชิ้น และห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกกับตำรวจเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นลูกสาวจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตแน่ ต่อมาขณะที่กำลังคุยโทรศัพท์กับคนร้ายอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงคล้ายลูกสาวของตนร้องขอความช่วยเหลือ จึงทำให้เกิดความหวาดกลัวว่าลูกสาวจะได้รับอันตราย และเชื่อว่าลูกสาวถูกจับจริง จึงได้นำเงินจำนวน 690,000 บาทมาเตรียมไว้ ก่อนที่คนร้ายจะนัดหมายให้ไปที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขาบางแค โดยระหว่างทางผู้เสียหายได้โทรศัพท์ติดต่อกับคนร้ายตลอดเวลา ซึ่งเมื่อมาถึงจุดนัดหมาย คนร้ายได้มารับเงินไปจากผู้เสียหายแล้วหลบหนีไป พร้อมกันนี้ ผู้เสียหายได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้หลังจากที่คนร้ายได้นำเงินไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ตลิ่งชัน ได้สืบสวนติดตามจับกุมตัวยคนร้ายได้ที่ห้างสรรพสินค้าโลตัสปิ่นเกล้า พร้อมทั้งนำตัวคนร้ายส่งให้พนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สิน, ร่วมกันฉ้อโกง
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เคยก่อเหตุมาแล้วถึง 4 ครั้ง โดยครั้งแรก ได้เงินไปจำนวน 690,000 บาท ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ไม่ได้เงิน เนื่องจากผู้เสียหายไม่มา และครั้งที่ 4 ผู้เสียหายเตรียมเงินมาให้จำนวน 190,000 บาท และมาถูกจับกุมได้ในที่สุด ทั้งนี้ คนร้ายยังอ้างว่ามีหน้าที่เพียงรับโทรศัพท์และกดรับเงินเท่านั้น และจะเน้นผู้เสียหายที่เป็นผู้สูงอายุ โดยบอกว่าก่อนหน้านี้ทราบดีว่าเงินที่ได้รับมานี้เป็นเงินที่ไม่ถูกกฏหมาย แต่ไม่ทราบมาก่อนว่าจะเป็นเงินที่ได้ด้วยการไปโทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหายมา ซึ่งได้รับค่าจ้างครั้งละ 5,000 บาท จากคนที่รู้จักกันเป็นชาวจีน ซึ่งได้ขายของอยู่ที่ประตูน้ำ สาเหตุที่ตัดสินใจทำ เพราะตกงาน และมีครอบครัวที่ต้องดูแล
นอกจากนี้ พล.ต.ท.วินัยกล่าวว่า ผู้เสียหายอีก 2 คดีนั้น ทางเจ้าหน้าที่กำลังทำการตรวจสอบ และรวบรวมหมายเลขโทรศัพท์ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้โทร.ออกไปหลอกลวงผู้เสียหาย เพราะตำรวจเชื่อว่าแก๊งนี้ทำงานกันเป็นขบวนการ โดยมีอยู่มากแน่นอน และอยากจะฝากบอกประชาชนที่เจอแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่โทรศัพท์มาหลอกลวงในลักษณะนี้ ซึ่งอยากให้ติดต่อไปถามทางญาติของตนเองที่ถูกอ้างว่าโดนจับตัวไปก่อนว่าถูกจับไปจริงๆหรือไม่ หลังจากนั้นก็ให้ติดต่อและแจ้งความมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อทำการตรวจสอบต่อไป จะได้ไม่ต้องหลงกลและพลาดท่าเสียเงินให้กับกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้อีก
