ฉะเชิงเทรา - ศาลปล่อยตัวชั่วคราว 7 แกนนำต่อต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าคลองนครเนื่องเขต ด้วยหลักทรัพย์การประกันรายละ 5 หมื่นบาท ขณะฝ่ายโจทย์ส่งทนายยื้อถ่วงค้านการปล่อยตัว ด้านชาวบ้านเตรียมเดินหน้าสู้ต่อ โดยย้ายการชุมนุมมาที่หน้าศาลากลางจังหวัด ริมถนน
วันนี้ (20 มี.ค.55) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ยินยอมอนุมัติการปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำชาวบ้านกลุ่มต่อต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าคลองนครเนื่องเขตแล้วด้วยหลักประกันเป็นตำแหน่งทางการเมือง ของนักการเมืองท้องถิ่น รวมมูลค่า 3.5 แสนบาท หรือรายละ 5 หมื่นบาท จากเดิมที่ได้เคยเรียกหลักประกันไว้ที่ 3 หมื่นบาท เหตุจากด้านทนายของฝ่ายโจทย์ได้เข้ายื่นคัดค้านการประกันตัวจนสุดท้ายศาลต้องขอเพิ่มวงเงินในมูลค่าของหลักประกันจากเดิมอีก 2 หมื่นบาท จนสามารถปล่อยตัวแล้วเสร็จได้ในเวลาใกล้ค่ำ
นายปัญญา ถาวรอักครนิล ทนายความจากสำนักนิติบดี ต.บางตีนเป็ด อ.เมืองฉะเชิงเทรา ผู้เข้ามาให้การช่วยเหลือทางคดีต่อแกนนำกลุ่มต่อต้านโรงไฟฟ้าคลองนครเนื่องเขต ที่ถูกหมายจับจากศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ในข้อกล่าวหาปิดกั้นทางหลวงสาธารณะ ตาม พ.ร.บ.ทางหลวง กล่าวว่าขณะนี้ศาลจังหวัดฉะเชิงเทราได้อนุมัติการประกันตัวและยอมปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำชาวบ้านทั้ง 7 คนแล้ว หลังจากตลอดช่วงบ่ายที่ผ่านมานั้น ทางพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมตัวผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 7 คนมาขออำนาจศาลฝากขัง
ดังนั้น ทางทนายได้ยื่นหลักทรัพย์การขอประกันตัวเป็นตำแหน่งทางการเมืองของนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ไว้เป็นหลักประกันซึ่งศาลได้อนุญาตตามคำร้องขอ แต่ต่อมาทางทนายฝ่ายโจทย์ ได้เข้ามายื่นคัดค้านในช่วงเวลาใกล้ปล่อยตัว จนต้องทำคำร้องใหม่อีกครั้งและศาลได้เรียกหลักประกันเพิ่มเติมจากเดิมที่ได้เคยเรียกไว้คือรายละ 3หมื่นบาทเป็นรายละ 5 หมื่นบาทรวมทั้ง 7 คน เป็นวงเงิน 3.5 แสนบาทและศาลได้อนุมัติการปล่อยตัวอย่างมีเงื่อนไขอีกครั้งในที่สุด
นายปัญญา กล่าวต่อว่า ศาลได้สั่งห้ามผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 7 คนออกมาชุมนุมหรือทำการปิดถนนอีก แต่ไม่ได้ห้ามการเคลื่อนไหวชุมนุมคัดค้านไปตามสิทธิ์ของรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด ส่วนการต่อสู้ทางคดีนั้นต้องขอดูรายละเอียดข้อเท็จจริงทางคดีทั้งหมดอีกครั้งก่อน ซึ่งหากเป็นการต่อสู้ไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะปกป้องผลประโยชน์ของชุมชนคนในพื้นที่เพราะผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดทุกรายนั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบทั้งสิ้น ซึ่งเป็นสิทธิ์ในการต่อสู้เพื่ออนาคตของชุมชนต่อไป
ในอนาคตนั้นผลกระทบก็อาจจะไปตกรวมกับฝ่ายที่เป็นผู้กล่าวหาได้ด้วยเช่นกัน เพราะหากโรงไฟฟ้าแห่งนี้ส่งผลกระทบก็จะส่งผลกระทบกระเทือนไปทั่วทั้งพื้นที่ ซึ่งผู้ชุมฝ่ายที่ถูกกล่าวหานั้นกลายเป็นผู้รับเคราะห์และเป็นผู้ที่เดือดร้อนจริงๆ ไม่ใช่ม็อบอาชีพ หรือรับจ้างมาและการที่รัฐจะอนุมัติโครงการฯ ให้ก่อสร้างโครงการอะไรก็ตามควรต้องถามความเห็นและยินยอมจากชาวบ้านที่จะได้รับผลกระทบในพื้นที่ก่อนด้วย
นายชรินทร์ กรุดกรีธา หนึ่งในแกนนำที่ถูกออกหมายจับ กล่าวว่า จากนี้ไปการต่อสู้จะยังคงมีการเคลื่อนไหวต่อไป โดยที่ชาวบ้านจะนัดกันมารวมตัวทำกิจกรรมยังบริเวณศาลาไทย (ศาลาจัตุรมุข)หน้าศาลากลางจังหวัดอย่างต่อเนื่อง เพราะศาลไม่ได้สั่งห้ามผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดมาชุมนุม ซึ่งสามารถทำได้ตามสิทธิของรัฐธรรมนูญ โดยศาลเพียงแต่ได้นัดหมายให้มารายตัวตามเป็นระยะตามนัดเท่านั้น ซึ่งนัดแรกในการรายงานตัวนั้น คือ วันที่ 26 มี.ค.55 นี้
