ตร.ศรีสะเกษรวบสองมือปืนโจ๋โหดยิงคู่อริดับ แค่เหตุมองหน้า

ศรีสะเกษ - ตำรวจ สภ.เมืองศรีสะเกษ จับกุมสองมือปืนวัยโจ๋โหดยิงคู่อริเสียชีวิต รับสารภาพแค่ไม่พอใจถูกผู้ตายมองหน้าหาเรื่องในสถานบันเทิง

วันนี้ (14 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้า สภ.เมืองศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พล.ต.ต.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ศรีสะเกษ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประจวบ จันทร์ประวิตร ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายณัฐพงษ์ หรือเติ่ง หรือณัฐ จิตโชติ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 254 หมู่ 1 ต.โพนเขวา อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ และนายวิชัย หรืออาร์ท ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 02.30 น.วันที่ 3 ก.พ. 2555 ที่ผ่านมา เกิดเหตุมีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายกิตติกรณ์ หรืออั้น พรมมา อายุ 19 ปี ที่บริเวณถนนโชติพันธ์ ต.หนองครก อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2555 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้ทราบเบาะแสของคนร้ายแล้วจึงได้ออกติดตามจับกุมคนร้ายในคดีดังกล่าว จนในที่สุดก็สามารถจับกุมคนร้ายได้

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายณัฐพงษ์ หรือเติ่ง หรือณัฐ จิตโชติ ให้การสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุยิงนายกิตติ หรืออั้น พรมมา เสียชีวิตจริง สาเหตุเนื่องมาจากขณะที่ตนและนายวิชัย หรืออาร์ท ได้พากันไปเที่ยวที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน อ.เมืองศรีสะเกษ ต่อมาได้เกิดมีปัญหากับกลุ่มของผู้ตาย เนื่องจากผู้ตายพูดจาไม่ดีด้วย และได้มองหน้าตนคล้ายจะหาเรื่อง

จากนั้นกลุ่มของผู้ตายได้พากันขับขี่จักรยานยนต์ออกจากสถานบันเทิงดังกล่าวไป ตนจึงให้นายวิชัยขับรถสะกดรอยตามกลุ่มของผู้ตาย เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ตนจึงได้ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิงเข้าที่ศีรษะของผู้ตายจำนวน 1 นัด จากนั้นจึงได้ขับรถจักรยานยนต์กลับบ้าน และได้หลบหนีไปกว่า 1 เดือนเศษ และต่อมาจึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ในที่สุด

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหากับ นายณัฐพงษ์ หรือเติ่ง จิตโชติ และนายวิชัย หรืออาร์ท ว่า ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครองครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป