รองสารวัตร ปทส.กลับจากกินเหล้ากับเพื่อนร่วมห้อง คิดสั้นใช้ปืนพก .380 ยังหน้าอกซ้ายทะลุตายคาอพาร์ตเมนต์ เพื่อนร่วมงานเผยเพิ่งสอบเป็นนายร้อย ย้ายจากชุมพรได้เพียงไม่กี่วัน ยังไม่ทราบสาเหตุ เตรียมสอบญาติ-ส่งศพตรวจ
วันนี้ (5 ม.ค.) เมื่อเวลา 02.45 น. ร.ต.อ.สุพจน์ บัวแก้ว พงส.(สบ 1) สน.บางเขน ได้รับแจ้งเหตุชายใช้อาวุธปืนยิงตัวตายภายในอุมดมมิตรอพาร์ตเมนต์ เลขที่ 9/10 ซ.พหลโยธิน 47 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง ผกก.สน.บางเขน หน่วยแพทย์ กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุบริเวณทางเดินลงบันได ชั้นที่ 5 ของอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว พบศพ ร.ต.ต.วรยศ อิ่มรัตน์ รอง สว.กก.1บก.ปทส. อายุ 45 ปี สภาพศพนอนหงายเสียชีวิต แต่ขายังอยู่ในท่าขัดสมาธิ สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ ส่วนรองเท้าแตะถอดวางอย่างเป็นระเบียบวางอยู่ข้างขวาของลำตัว ส่วนด้านซ้ายพบปืนพกสั้นขนาด .380 ซึ่งเป้นปืนประจำตัวของผู้ตายตกอยู่ 1 กระบอก จากการตรวจสอบร่างกายพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .380 เข้าที่บริเวณหน้าอกด้านซ้าย กระสุนทะลุหลัง 1 นัด
จากการสอบสวน ร.ต.ต.ธิติพจน์ ทองพันชั่ง รอง สว.กก.1บก.ปทส.อายุ 41 ปี เพื่อร่วมสังกัด กล่าวว่า ผู้ตายเพิ่งสอบเป็นนายตำรวจระดับสัญญาบัตรได้ และเพิ่งได้รับคำสั่งโยกย้ายจาก จ.ชุมพร ให้มาอยู่ในตำแหน่งรองสารวัตร กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เช่นเดียวกับตน ที่มาจาก จ.อุตรดิตถ์ ที่เพิ่งได้รับคำสั่งให้มาประจำหน่วยเดียวกันหลังสอบได้ จึงมาเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่ด้วยกัน โดยก่อนเกิดเหตุตนกับผู้ตายได้ไปดื่มสุรากันย่านดอนเมืองและกลับมาห้องเวลาประมาณตี 2 จากนั้นผู้ตายได้ออกไปข้างนอกโดยบอกเพียงว่าจะออกไปหาอะไรกิน ระหว่างนั้นตนก็ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ในห้อง จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังจึงวิ่งออกมาดูก็พบว่า ร.ต.ต.วรยศ เสียชีวิตดังกล่าวจึงแจ้งตำรวจท้องที่ให้มาตรวจสอบ
ด้าน พ.ต.อ.ชุมพลกล่าวว่า จากการตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้นคาดว่าผู้ตายน่าจะคิดสั้นจึงนำอาวุธปืนพกประจำตัวมายิงตัวตาย โดยใช้ทั้งสองมือจับปืนยิงเข้าที่บริเวณหัวใจขณะนั่งขัดสมาธิ ส่วนสาเหตุการฆ่าตัวตายนั้นยังไม่ทราบเนื่องจากผู้ตายเพิ่งย้ายมาอยู่ในสังกัดใหม่ในกรุงเทพฯ ได้เพียงไม่กี่วัน จึงไม่ทราบว่ามีปัญหาส่วนตัวหรือไม่อย่างไร แต่จากการพูดคุยกับเพื่อนร่วมห้องก็ไม่พบพิรุธ โดยจะส่งศพไปยัง นิติเวช รพ.ตร.เพื่อตรวจร่องรอยคราบเขม่าดินปืนสรุปสาเหตุการเสียที่แน่ชัดอีกครั้ง พร้อมทั้งทำการสอบเพื่อนร่วมงาน ผู้บังคับบัญชา รวมทั้งญาติของผู้ตายเพื่อหาสาเหตุการฆ่าตัวตายต่อไป
วันนี้ (5 ม.ค.) เมื่อเวลา 02.45 น. ร.ต.อ.สุพจน์ บัวแก้ว พงส.(สบ 1) สน.บางเขน ได้รับแจ้งเหตุชายใช้อาวุธปืนยิงตัวตายภายในอุมดมมิตรอพาร์ตเมนต์ เลขที่ 9/10 ซ.พหลโยธิน 47 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง ผกก.สน.บางเขน หน่วยแพทย์ กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุบริเวณทางเดินลงบันได ชั้นที่ 5 ของอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว พบศพ ร.ต.ต.วรยศ อิ่มรัตน์ รอง สว.กก.1บก.ปทส. อายุ 45 ปี สภาพศพนอนหงายเสียชีวิต แต่ขายังอยู่ในท่าขัดสมาธิ สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ ส่วนรองเท้าแตะถอดวางอย่างเป็นระเบียบวางอยู่ข้างขวาของลำตัว ส่วนด้านซ้ายพบปืนพกสั้นขนาด .380 ซึ่งเป้นปืนประจำตัวของผู้ตายตกอยู่ 1 กระบอก จากการตรวจสอบร่างกายพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .380 เข้าที่บริเวณหน้าอกด้านซ้าย กระสุนทะลุหลัง 1 นัด
จากการสอบสวน ร.ต.ต.ธิติพจน์ ทองพันชั่ง รอง สว.กก.1บก.ปทส.อายุ 41 ปี เพื่อร่วมสังกัด กล่าวว่า ผู้ตายเพิ่งสอบเป็นนายตำรวจระดับสัญญาบัตรได้ และเพิ่งได้รับคำสั่งโยกย้ายจาก จ.ชุมพร ให้มาอยู่ในตำแหน่งรองสารวัตร กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เช่นเดียวกับตน ที่มาจาก จ.อุตรดิตถ์ ที่เพิ่งได้รับคำสั่งให้มาประจำหน่วยเดียวกันหลังสอบได้ จึงมาเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่ด้วยกัน โดยก่อนเกิดเหตุตนกับผู้ตายได้ไปดื่มสุรากันย่านดอนเมืองและกลับมาห้องเวลาประมาณตี 2 จากนั้นผู้ตายได้ออกไปข้างนอกโดยบอกเพียงว่าจะออกไปหาอะไรกิน ระหว่างนั้นตนก็ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ในห้อง จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังจึงวิ่งออกมาดูก็พบว่า ร.ต.ต.วรยศ เสียชีวิตดังกล่าวจึงแจ้งตำรวจท้องที่ให้มาตรวจสอบ
ด้าน พ.ต.อ.ชุมพลกล่าวว่า จากการตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้นคาดว่าผู้ตายน่าจะคิดสั้นจึงนำอาวุธปืนพกประจำตัวมายิงตัวตาย โดยใช้ทั้งสองมือจับปืนยิงเข้าที่บริเวณหัวใจขณะนั่งขัดสมาธิ ส่วนสาเหตุการฆ่าตัวตายนั้นยังไม่ทราบเนื่องจากผู้ตายเพิ่งย้ายมาอยู่ในสังกัดใหม่ในกรุงเทพฯ ได้เพียงไม่กี่วัน จึงไม่ทราบว่ามีปัญหาส่วนตัวหรือไม่อย่างไร แต่จากการพูดคุยกับเพื่อนร่วมห้องก็ไม่พบพิรุธ โดยจะส่งศพไปยัง นิติเวช รพ.ตร.เพื่อตรวจร่องรอยคราบเขม่าดินปืนสรุปสาเหตุการเสียที่แน่ชัดอีกครั้ง พร้อมทั้งทำการสอบเพื่อนร่วมงาน ผู้บังคับบัญชา รวมทั้งญาติของผู้ตายเพื่อหาสาเหตุการฆ่าตัวตายต่อไป
