เพชรบุรี - อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช สั่งขนย้ายสัตว์ป่าออกจากมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า เพชรบุรี ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ชาวต่างชาติที่คอยขัดขวางในการจับสัตว์
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (23 ก.พ.) นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ลงพื้นที่มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า จ.เพชรบุรี อีกครั้ง พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ ตำรวจ ปทส. พนักงานสอบสวนของ สภ.ท่าไม้รวก จ.เพชรบุรี เพื่อเข้าตรวจยึดสัตว์ป่าที่ไม่มีใบอนุญาตครอบครองที่ถูกต้องทั้งหมด แต่หากสัตว์ตัวใดที่ทางมูลนิธิมีหลักฐานเอกสารมายืนยันก็ให้ทำการปล่อยให้มูลนิธิดูแลตามเดิม
พร้อมกันนี้ ยังได้ขอความร่วมมือจากนายเอ็ดวิน วีก ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิว่า อย่านำภาพหรือข้อความใดๆ ไปลงอินเตอร์เน็ตในลักษณะที่ทำให้ภาครัฐเสื่อมเสียอีก อีกทั้งมีการให้รวบรวมสำเนาเทปที่ นายเอ็ดวิน วิก ออกสื่อต่างๆ มาทั้งหมดเพื่อที่จะนำมาตรวจสอบคำพูด ซึ่งหากดูแล้วมีข้อความพาดพิงถึงหน่วยงานภาครัฐที่ไม่เป็นจริงจะดำเนินการฟ้องทันที ทั้งนี้ การปฏิบัติหน้าที่ทำไปตามกฎหมายของไทย
ทั้งนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ภาครัฐกำลังปฏิบัติงานในการดำเนินการจับสัตว์ในกรงอยู่นั้น เจ้าหน้าที่ชาวต่างชาติของมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าต่างพากันขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาจับสัตว์ป่าที่อยู่ในกรงของมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าโดยสัตว์ป่าเหล่านี้ถูกอายัดไว้ จนเกิดการชุลมุนวุ่นวาย ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานไม่สะดวกจนต้องใช้เชือกมากั้นแนวกันกรงของสัตว์เพื่อกันเจ้าหน้าที่ชาวต่างชาติไม่ให้เข้าไปรบกวนและเข้าไปถ่ายภาพสัตว์ที่ถูกจับและถูกคุมขัง
โดยตลอดระยะเวลาที่เจ้าหน้าที่ทำงานจะมีกลุ่มของเจ้าหน้าที่ชาวต่างชาติที่คอยเข้าขัดขวางพยายามเข้าไปถ่ายภาพเพื่อนำภาพไปอัพลงอินเตอร์เน็ตและเขียนข้อความนำเสนอว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐทำเกินกว่าเหตุ ทำร้ายทารุณสัตว์ จนทำให้เสื่อมเสียไปทั่วโลก
นายดำรง พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า การที่เข้ามาวันนี้ไม่ได้มีเจตนามาแกล้งแต่การกระทำต่างๆ ที่ต้องทำเพื่อปกป้องตามหน้าที่กฎหมายไทยที่ต้องคุ้มครองสัตว์ป่า อีกทั้งสัตว์ส่วนใหญ่จากการดูพบว่ามีร่างกายแข็งแรงพร้อมที่จะปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้แล้วแต่ทำไมทางมูลนิธิจึงไม่ปล่อยสัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติ
นอกจากนี้ ได้ให้ทางมูลนิธินำหลักฐานแสดงการอนุญาตครอบครองมาแสดงเพิ่มเติม โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯได้เข้าตรวจค้นและทำการแจ้งความดำเนินคดีกับทางมูลนิธิฯในกรณีมีสัตว์ป่าที่ยังไม่มีเอกสารมาแสดงจำนวน 15 ชนิด 103 ตัว จากที่มีทั้งหมด 26 ชนิด 271 ตัว ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ระบุให้ทางมูลนิธินำเอกสาร สป.1 ตัวจริงมาแสดงเท่านั้น เพราะการอนุญาตให้ครอบครองสัตว์ป่า ทางราชการได้ออกเอกสารสป.1 ตัวจริงไว้ให้ตั้งแต่ต้นแล้ว
แต่จากการนำเอกสารหลักฐานของมูลนิธิมาแสดง พบว่า ไม่มีเอกสาร สป.1 ตัวจริงมาแสดง แต่มีเอกสารที่ทางมูลนิธิฯออกใบรับสัตว์ป่วยที่มีชาวบ้านหรือผู้ประสงค์นำสัตว์ป่ามารักษาและมอบให้ทางมูลนิธิดูแล พร้อมทั้งเอกสารการแจ้งไปยังสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าที่ 3 อ.ชะอำ ตอบรับทราบว่าทางมูลนิธิฯแจ้งเรื่องไปมาแสดงเท่านั้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ถือว่า ไม่มีเอกสารสป.1 ตัวจริงมาแสดง จึงต้องทำการตรวจยึดสัตว์ป่าทั้งหมดที่ไม่มีเอกสารแสดง โดยจะนำไปยับศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้างและอีกหลายแห่งที่ทางกรมอุทยานฯมีอยู่
ส่วนหลักฐานที่ทางมูลนิธินำมาแสดงนอกเหนือจากใบ สป.1 ก็สามารถนำไปแสดงต่อพนักงานสอบสวนและเป็นหลักฐานในชั้นศาลได้ จากนั้นจึงได้มีการทยอยจับสัตว์ป่าที่ไม่มีหนังสืออนุญาตเพื่อเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ที่กรมฯจัดไว้ โดยมีเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ ทั้ง นายเอ็ดวิน วีก ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ นางจันทร์แสง สร้างนานอก ประธาน นายพงษ์ศักดิ์ ขำเพชร กรรมการมูลนิธิฯ นำชี้สัตว์ป่าที่ครอบครองที่ไม่มีเอกสาร สป.1 เพื่อดำเนินการตรวจยึด
ระหว่างมีการตรวจยึด พบว่า มีกลุ่มบุคคลซึ่งไม่ใช่บุคคลในพื้นที่เข้ามาในบริเวณมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าประมาณสิบกว่าคน มายืนตะโกนส่งเสียงโจมตีมูลนิธิ ว่า หลอกลวงเพื่อเอาเงินบริจาคจนเกิดมีปากเสียงกันขึ้น ซึ่งภายหลังต่อมาทราบว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้ เป็นกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ ปางช้างซาฟารีหัวหิน โดยหนึ่งในกลุ่มที่มาบอกว่า นายเอ็ดวิน ได้เคยให้ร้ายว่าสัตว์ป่าที่มีในปางช้างเป็นสัตว์ที่สวมตั๋วรูปพรรณ วันนี้พวกเขาจึงตามมาให้กำลังใจอธิบดีและเจ้าหน้าที่ดำเนินการกับมูลนิธิแห่งนี้ด้วย แต่ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิได้พยายามแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาควบคุมการตรวจยึดกันคนเหล่านี้ออกไป เพราะไม่เกี่ยวข้องและเป็นการเข้ามาสร้างสถานการณ์และอาจส่งให้เกิดผลบานปลาย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถกันให้กลุ่มคนเหล่านี้ออกไปได้จนเกิดปากเสียงกันเป็นระยะๆ