“เรื่องความรักมันก็เหมือนเราสะสมของที่ตัวเองรัก ความรักไม่ใช่ว่าเราจะเจอแล้วจะได้ครบในทีเดียว เราก็ต้องค่อยๆ ศึกษาและสะสมความรักกันไปเรื่อยๆ” นี่คือ นิยามความรักของหนุ่มหน้าหวานที่มีลักยิ้มเป็นเสน่ห์มัดใจสาวๆ อย่างหนุ่ม “แบงค์-อธิกิตติ์ พริ้งพร้อม” หรือที่รู้จักกัน “แบงค์ วงแบล็กวนิลลา” กว่าที่เขาจะเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงและเป็นที่รู้จักกันอย่างทุกวันนี้เขาเริ่มต้นจากความรักคอยหล่อหลอมจากคนรอบข้าง
รัก...ร้องเพลง
เวลา 6 ปีกับการเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง ด้วยการเข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดในอาร์เอส แต่ระหว่างนั้นเขาก็มีงานถ่ายมิวสิกวิดีโอควบคู่ไปด้วย สิ่งที่ทำให้เขาได้ก้าวเข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดร้องเพลงนั้น เกิดขึ้นจากการชอบร้องเพลงและชอบการเข้าไปดูนักร้องร้องเพลงในร้านคาเฟ่ ซึ่งเป็นความฝันของเขาสักครั้งที่อยากจะเข้าไปดูนักร้องในนั้นว่าเขาร้องเพลงกันอย่างไร
“ตอนเด็กผมอยากร้องเพลง นะ ตลกมากเลยเหมือนเวลาเราไปหน้าคาเฟ่ สมัยก่อนจะมีบอร์ดหน้าร้าน เล็กๆ ติดอยู่ ตอนนี้อาจจะไม่มีแล้ว เหมือนบอกว่ามีใครร้องอยู่ร้านนี้บ้าง แค่เราอยากร้องเพลง พองานแต่งญาติ เราเด็กก็ขึ้นไปร้องเพลง ตอนนั้นก็รู้ว่าตัวเองร้องไม่เพราะหรอก แต่เรามีความสุขที่เห็นคนมีความสุขกับการที่เราเห็นคนฟังยิ้ม เลยตื้อให้พ่อกับแม่พาไปดูนักร้องในคาเฟ่ เราอยากไปดู แล้วเราคิดว่า ที่นั่นเป็นที่เดียวที่เราจะได้เห็น พ่อแม่ก็งง ท่านก็เลยบอกว่าถ้าอยากไปไหนมาไหน ก็ต้องพาน้องสาวไปด้วย ต้องให้เราอุ้มน้อง ผมก็ต้องยอมเพื่อให้ได้ไป เป็นเด็กที่ยังคิดอะไรไม่ได้ ”
“ผมฝึกร้องเพลงจากการร้องคาราโอเกะในบ้านทุกวัน ซึ่งถ้าเป็นตอนนี้เขาก็คงฝึกกับยูทูปนะ ทุกคนในบ้านก็จะปวดหัวกับผมมาก ผมร้องทั้งวันเลย ที่เข้ามาในวงการได้ก็เริ่มจากตัวเอง ส่งเดโมมา แล้วเขาก็เรียกผมให้มาเรียนร้องเพลง”
“มาอยู่วงนี้ผมก็ส่งเดโมเข้ามาเพื่อให้เขามาพิจารณา ก็โอเค มาให้เราเข้ามาเป็นศิลปินฝึกหัด ได้เรียนร้องเพลงไปเรื่อยๆ แล้วตอนนั้นก็มีพี่กราฟ มือกีตาร์ สมัยนั้นมีคนเอาโปรเจ็กต์ดูโอมาให้ทำผมทองๆ แล้วมันไม่ใช่แนวของเราเลยครับ มันก็ไม่ใช่ชีวิตประจำวัน ไม่กล้าไปเดินถนน สุดท้ายก็ได้มาร่วมวงกันสี่คน เป็นแบนด์”
จนวันนี้แบงค์กับเพื่อนๆ วงวนิลลาได้ทำอัลบั้มมาจนถึงอัลบั้มที่ 5 ซึ่งเขามองว่าจุดนี้ยังไม่ได้ทำให้เขาก้าวไปสู่ความสำเร็จในจุดไหนก็ยังไม่ทราบ แต่สิ่งที่เขากำลังทำอยู่ในตอนนี้คือสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข มีงานคอนเสิร์ต และได้เรียนรู้กับงานในวงการบันเทิงมากขึ้นกว่าเดิม
“ในวงการบันเทิง ทำให้ได้คุณวุฒิ ความอาวุโสที่ได้มาตอนที่อายุยังน้อย ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะเป็นไปตามวัยนะ แต่จริงๆ แล้วพอเรามาทำงานในวงการบันเทิงก็ทำให้เรารู้จักผู้ใหญ่ ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตของคนที่เค้าโตกว่าเรา ก็สามารถเอามาเป็นแบบอย่างและทำให้เราดูมีวัยวุฒิที่มันสามารถทำตัวให้เราดูเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่อายุ 26 ปี เราได้อะไรเป็นสองเท่ากว่าเพื่อนๆ ทั่วไป แต่อาจจะได้มาด้วยการแลกของในวัยของเรา แต่เราก็ยังเป็นวัยรุ่นนะ ถ้าอายุเท่านี้ ถ้าเราไม่ได้ทำงานตรงนี้เราก็คงกำลังเดินหางาน สมัครงานเหมือนเพื่อนๆ คนอื่นๆ แล้วครับ”
“ผมว่าในวงการบันเทิงได้ทุกอย่างแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ได้คือ ความอิสระและชีวิตส่วนตัว เพราะเหมือนว่าการทำงานแบบนี้ก็กลายเป็นงานฟลูไทม์นะ ไม่ใช่เหมือนทุกคนที่พอออกจากออฟฟิศก็คือเลิกงาน เราไม่เคยเบื่อกับการทำงานแบบนี้ เพราะเมื่อไหร่ที่เบื่อ ก็จะไม่มีงานทำครับ”
อีกหนึ่งโอกาสในวงการบันเทิงที่แบงค์ได้ทำและมีโอกาสพัฒนาฝีมือของตัวเองคือการได้โอกาสในการเล่นละคร จากละครแนวกุ๊กกิ๊ก ใสๆ มาสู่ละครดราม่าอย่างเรื่อง “ทองประกายแสด” ละครรีเมคที่ทางช่อง 8 ในเครืออาร์เอส กำลังถ่ายทำและใกล้จะลงจอเต็มที ซึ่งแบงค์ได้รับเล่นคู่กับสาวพิงค์กี้ บทเลิฟซีนถึงพริกถึงขิง ถือเป็นการพัฒนาตนเองในด้านการแสดงอีกทางหนึ่ง
“มันก็ยากนะครับ เพราะว่ามันค่อนข้างที่จะเจอกับนักแสดงที่มืออาชีพ มีแรงกดดันนิดนึง ต้องเข้าบทกับพิ้งค์กี้ก็เยอะพอสมควรครับ ต้องให้พี่เข้ามาบอกบล็อกกิ้งครับ เลิฟซีนมันยากครับ แต่ช่วงอื่นๆ มันก็เหมือนกับชีวิตวัยรุ่นของเรา ธรรมดา เหมือนชีวิตจริงเราเลยครับแล้วก็มีแบบชอบผู้หญิงก็ไปจีบ แต่เรื่องนี้ก็เป็นฉากที่เป็นบล็อกกิ้งจริงจัง มีเกรงใจพิ้งค์กี้บ้างเพราะว่าแม่เขามานั่งคุมด้วย เราก็จะเกรงใจ ไม่กล้าจะให้มันเทกมากเท่าไหร่ครับ เราพยายามว่าจะไม่เกร็งนะครับ แม่ก็จะบอกว่า แบงค์เล่นเต็มที่ไปเลยลูก ไม่ต้องเกร็ง เร็วๆ ไม่ต้องกลัวว่าแม่จะหวงครับจากละครกุ๊กกิ๊กมาเป็นดราม่า ผมว่ามันเหมือนเราได้ร่วมงานแสดงกับคนที่เป็นมืออาชีพ ที่มีอายุการทำงานมากกว่าผม ก็จะรู้สึกว่าเราได้อะไรมาจากละครเรื่องนั้นๆ”
รัก...สัตว์
อีกหนึ่งโอกาสที่เกิดจากสิ่งที่เขารักคือ การได้รับโอกาสทำหน้าที่ทูตป้องกันการทารุณสัตว์ แห่งประเทศไทย หรือ “ทูตTSPCA” เพื่อรณรงค์ให้คนไม่ทารุณกรรมสัตว์ ซึ่งปัจจุบันจะเห็นได้จากตามข่าวหน้าหนึ่งรายวันถึงการทารุณกรรมสัตว์ต่างๆ ทั้งช้าง สุนัข และอีกมากมาย
“ผมว่าเพราะเมืองไทยเป็นเมืองเสรี แต่คนก็ยังทำร้ายและเบียดเบียนสัตว์ให้เห็นได้อยู่เรื่อยๆ ทิ้งน้องหมาบ้าง หรือตัดอวัยวะเพศช้าง เอาร่างกายของช้างไปทำอาหาร ยาบำรุงกำลังบ้าง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ สัตว์ของคือสิ่งมีชีวิตที่คนเราไม่ควรไปทำร้ายเขา”
แบงค์เล่าถึงกิจกรรมแรกที่ได้เข้าร่วมในช่วงน้ำท่วม ที่เขาออกไปช่วยน้องหมาจรจัด และแมวที่ถูกนำมาฝากไว้ช่วงน้ำท่วมแต่เจ้าของไม่กลับมาเอาไปเลี้ยง ซึ่งมีจำนวนเยอะมาก หลายคนอาจจะคิดว่ากิจกรรมการเป็นทูตอาจจะเป็นแค่ตัวแทนแล้วไม่ได้ลงมือทำ แต่สำหรับแบงค์ การได้รับเลือกให้เป็นทูติครั้งนี้คือความภูมิใจที่ทำให้เขาได้มีโอกาสเรียนรู้ว่ายังมีสัตว์อีกจำนวนมากที่ถูกทิ้งและถูกทำร้ายจากเจ้าของของสัตว์เหล่านั้นเอง
“หลายคนอาจจะคิดว่า เราไปแค่ออกสื่อเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วเราออกไปทำกิจกรรมทุกอย่างที่เป็นการดูแลสัตว์ เราต้องลงมือทำกันจริงๆ เพื่อให้คนได้รู้ว่ายังมีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นกับสัตว์อยู่วันแรกก็ไปดูแลน้องหมาที่เค้าถูกทิ้งมาครับไปกวาดอุจจาระน้องหมา ไปล้างกรงหมาด้วยครับ ตอนช่วงน้ำท่วม หมาเค้าถูกทิ้งแต่ไม่มีใครรับกลับไปเลี้ยง ผมเองก็ไม่เคยเลี้ยงหมามาก่อน ผมว่าสนุกดีนะ ถึงผมจะได้รับหน้าที่ไปทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับน้องหมา แต่ว่าผมก็แอบกลัวน้องหมาเหมือนกันนะ เพราะว่าเมื่อตอนเด็กผมฝังใจที่ถูกน้องหมากัดด้วยครับ เจอประสบการณ์ไม่ดีก็เลยกลัว ผมจะกลัวหมาตัวใหญ่ๆ วันนั้นทุกคนก็เลยเห็นว่าผมดูแลแต่หมาตัวเล็ก”
จากนั้นก็มีกิจกรรมไปรณรงค์ทุกอย่างที่เกี่ยวกับสัตว์ อย่างตอนนี้ก็มีเรื่องช้างครับ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ใหญ่มาก ผมว่าช้างมันใหญ่เกินไป ศักดิ์สิทธิ์เกินไป ที่คนจะไปทำอันตรายกับมัน ผมว่าปีนี้อาจจะเป็นปีแรกของผมที่ผมมาทำจุดนี้ แต่เรื่องช้างผมเองก็ต้องคอยให้รุ่นพี่ที่เคยเป็นทูตมาคอยแนะนำ และตอนนี้ก็มีการล่ารายชื่อให้ทุกคนมาร่วมชื่อเพื่อให้ต่อต้านการทารุณกรรมสัตว์
แบงค์ให้ความเห็นเกี่ยวการทารุณกรรมสัตว์ว่า “ผมว่าเมืองไทยเป็นเมืองที่สามารถตีสัตว์ หมา แมวได้ คนที่เอาเข้ามาก็ควรจะมีบทลงโทษให้มันมีหนักกว่าเดิม เมื่อตอนเด็กๆ เคยเลี้ยงสัตว์เหมือนกันครับ แต่เลี้ยงพวกตัวเล็กๆ เลี้ยงกระต่าย ที่มันเป็นคู่ๆ จริงจังมากเลยนะ”
“เหตุการณ์ที่ทำให้หดหู่ตอนเห็นสัตว์ ล่าสุดก็เรื่องช้างเนี่ยแหละครับ ผมว่ามันเกินไป มีทั้งเอาอวัยวะเพศไปกิน ไปใช้ มันเอาไปแทบทุกส่วนของร่างกายไปใช้ เพราะเราเคยดูหนังที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์แล้วมีช้าง ที่มันมีค่ามากสำหรับประเทศชาติของเรา แต่คุณเอาไปขาย แล้วมันราคาแพง ผมก็ยอมรับไม่ได้”
รัก...มาริโอ้
อีกหนึ่งมุมความรักของแบงค์กับของสะสม ที่ถึงแม้เขาจะใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปี กับการสะสมตัวการ์ตูนที่เด็กๆ ในยุคก่อนอาจจะเคยรู้จักกันกับเจ้าตัวมาริโอ้ พระเอกตัวเก่งของเกมในยุคที่เกมแฟมิลี่รุ่งเรื่อง เชื่อว่าใครอยู่ยุคนั้นจะต้องไม่พลาดเกมมาริโอ้ แน่นอน
แบงค์ชอบสะสมมาริโอ้ เพราะเป็นตัวละครในเกมที่หายากมาก ตัวแรกที่ได้มาเป็นโมเดลที่ไม่มีใครสนใจเลย เห็นว่าน่ารักและแปลกดีเลยทำให้เขาตัดสินใจซื้อมาและเริ่มสะสมมาเรื่อยๆ
“ตอนแรกมันเริ่มจากมาริโอ้ตัวแรกที่ได้มาจากร้านโมเดล เห็นมันนอนอยู่ ไม่มีใครสนใจ ถ้าผู้ชายเข้าไปก็คงจะดูพวกกันดั้ม โมเดลรถ หุ่น หรือโมเดลหนัง หรือผู้หญิงเข้าไปก็อาจจะเป็น ดูคิตตี้ ตุ๊กตาทั่วไป โดเรมอน แต่ตัวนี้เหมือนคนมองข้าม มันอาจจะมองดูแล้วไม่น่ารักนะ แต่มันมีเสน่ห์ของมัน ตอนแรกซื้อมาเพื่อนผมยังตกใจเลย ราคามัน พันกว่าบาท มีความรูสึกว่ามันคลาสสิกนะ อย่างคิตตี้ โดเรมอน มันอาจจะคลาสสิกก็จริง แต่มันดูเกร่อ มีคนสะสมเยอะมากครับ มีทั้งของจริง ปลอม แต่แบบนี้มันหายากมาก
ตัวที่สองมันหาได้ยากมากครับ เพราะว่าไม่ค่อยมีใครสะสม แต่พอตัวต่อมาก็เริ่มมีเยอะเพราะอาจจะมีดาราชื่อมาริโอ้ด้วยมั้งครับคนก็เลยซื้อเยอะ เค้าก็เลยผลิตมาเยอะ เหมือนแต่ก่อนหาซื้อยากเดี๋ยวนี้มีคนเอาเข้ามานะ จริงๆ ผมมีเยอะมากนะ มีแฟนคลับซื้อมาให้ แต่ผมก็ไม่เยอะมากขนาดนั้น ผมเก็บสะสมมาประมาณ 3-4 ปี จริงๆ เกมก็ไม่ได้เล่นมานานแล้วนะ แต่ผมว่าเสน่ห์ของมันคือ มาริโอ้มันเป็นลุงที่สามารถเป็นพระเอกของเกมนั้นได้ อารมณ์เหมือนพระเอกจะเท่ แต่นี่ดูคลาสสิก ตอนนี้มีเต็มบ้านไปหมดแล้วครับที่เอามาก็จริงตัวที่ชอบแล้วก็ซื้อมาตอนที่อยู่คอนโด”
ส่วนตัวที่ชอบมากที่สุด หนุ่มแบงค์ตอบแบบเขินๆ เพราะว่ามาริโอ้ตัวนี้เป็นตัวที่หวานใจอย่างสาวเบลล์ แห่งวงเกิร์ลรี่เบอร์รี่ ที่ซื้อให้เป็นของขวัญแทนใจให้กันเมื่อปีก่อน ที่ทำให้เขาชอบมากเพราะเป็นตัวที่ใหญ่และขนนิ่ม ที่สำคัญสาวเบลล์บอกว่าตัวนี้หายากมาก
“เบลล์บอกว่าหานานมาก เดินหาจนเมื่อย บอกว่าเราชอบอะไรก็ยาก มีดอกกุหลาบติดมาด้วยมันมีที่มันไม่ใช่โมเดลด้วยนะ เรามีพวกมาริโอ้นั่งรถแข่งด้วย มีตัวเห็ด กล่องใหญ่มาก เมาส์เป็นรูปดาว ผมว่าผมชอบแต่ไม่ได้คลั่งนะ มีตัวนึงที่เป็นปูนปลาสเตอร์ตัวใหญ่มากแล้วทาสีมาให้ ของน้องแฟนคลับ ที่สะสมของเหล่านี้ ผมว่าเรายึดเหนี่ยวกับมันได้ เหมือนผู้หญิงเล่นตุ๊กตา เหมือนเหนื่อยก็จับเอามาเล่น มาคุย ที่ห้องก็จะมีชั้นวางเป็นมาริโอ้เลยครับ”
รัก...หวานใจ
ถามถึงความหวานในเรื่องความรักกับสาวเบลล์ สาวร่างเล็ก เซ็กซี่ หนึ่งในวงเกริ์ลรี่เบอรี่ แบงค์เล่าว่าสาวเบลล์มักจะทำอะไรที่ตัวเองไม่ถนัดเพื่อทำให้เขาประทับใจ เช่นเรื่องการทำอาหารมาให้รับประทาน แต่เบลล์เองไม่เคยมีพื้นฐานเรื่องทำอาหารมาก่อน แต่เธอก็พยายามไปเรียนรู้
“เบลล์หลายคนอาจจะเห็นว่าเค้าเป็นสาวมั่นหรือเป็นผู้หญิงเซ็กซี่ แต่จริงๆ แล้วอีกมุมหนึ่งเค้าเป็นคนที่มีมุมเด็กอยู่ในตัวเองนะ เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วยังเด็กอยู่ ที่บ้านยังห่วงอยู่ให้กลับบ้านก่อนสามทุ่ม ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ เค้าไม่ค่อยได้ออกไปเจอผู้คนอะไรมากมาย ”
“ความรักตอนนี้เรื่อยๆ มุมมองความรัก ผมว่าวัยรุ่นผมเหมือนจะคาดหวังอะไรกับมันเยอะ แต่พอโตมามันก็ไม่ได้คาดหวังอะไร เมื่อก่อนเราอยากจะให้เค้าเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้เราอยากทำอะไรเราก็ทำเองก่อน เมื่อก่อนเคยคบมาแล้วแบบคบเด็กแต่ก็ไม่นานเพราะผู้ชายทุกคนก็อยากได้ความเป็นเด็กด้วยนะผมว่า
อะไรที่ทำให้ประทับใน มีช่วงหนึ่งเค้าพยายามทำกับข้าว ทำขนม ซึ่งเค้าทำอะไรไม่เป็นเลย ซึ่งตอนนี้ก็ล่มเลิกไปแล้ว มีทำข้าวเช้ามาให้กิน พอกินแล้วรสชาติไม่ได้นะ วาเลนไทน์นี้ยังคิดไม่ออกว่าจะเซอร์ไพร์สอะไร แต่พอใกล้ๆ มันจะคิดออกเอง เบลล์เค้าจะชอบให้ผมเซอร์ไพร์ส เพราะเค้าทำเรื่องแบบนี้ไม่เป็น แต่ผมจะทำของขวัญ ทำกับข้าวให้ คิดเลยว่าเอะ! เราเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย เราทำอะไรก็อร่อยกว่าอยู่ก็เลยต้องทำ เค้าทำมาม่ายังระเบิดเลย ก็เลยให้เขาอยู่เฉยๆ ดีกว่า ห้องที่ทำอาหารก็เละเลยครับ ผมว่าเรื่องอาหารทุกทีแม่เค้าจะเป็นคนทำอยู่แล้ว เลยไม่จำเป็นต้องทำมั้งครับ”
การทำงานวงการบันเทิงด้วยกันทั้งคู่ อาจจะไม่มีเวลาให้กัน เพราะต่างคนต้องออกงานบ่อยๆ แต่ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับการศึกษาดูใจของคู่นี้ อาจจะมีโทรศัพท์คุยกันบ้าง แต่ก่อนอื่นก็ต้องมีการทำความเข้าใจกันถึงเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
“เมื่อก่อนไม่มีเวลาเจอกัน ก็ต้องทำความเข้าใจก็ต้องทำความเข้าใจกันนาน มีงานเราก็ต้องทำงานก่อน เรื่องนี้มันก็คงต้องมองเหมือนเรื่องมาริโอ้ครับ ไปเรื่อยๆ มันไม่ใช่ซื้อแล้วมันจะครบได้ ก็เหมือนความรักก็ต้องศึกษากันไปเรื่อยๆ เรื่องที่ต้องปรับความเข้าใจก็ต้องมีอารมณ์ความเอาแต่ใจกันทั้งคู่ ก็ต้องปรับให้มันกลางๆ ให้เข้าใจกันทั้งคู่”
ข่าวโดย Manager Lite/ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
ภาพโดย ธนารักษ์ คุณทน