ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตร.โคราชสกัดจับขบวนการลักลอบขนไม้พะยูง ได้ของกลาง 26 ท่อน รวมกว่า 4 แสน ผู้ต้องหา 1ราย รับสารภาพทำมาแล้ว 2 ครั้ง ได้ค่าจ้างขน 5,000 บาท คาด ปลายทางส่งที่กรุงเทพฯ ด้าน ผบช.ภาค 3 เผย สถิติการลักลอบขนลดลงเหตุเจ้าหน้าที่รุกปราบหนัก ย้ำสอบสวนสาวให้ถึงนายทุนผู้บงการ
วันนี้ (23 ก.พ.) ที่สนามบินศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) พร้อมด้วย พ.ต.อ.องอาจ ผิวเรืองนนท์ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันแถลงผลการจับกุมขบวนการลักลอบขนไม้พะยูง ได้ผู้ต้องหา 1 ราย คือ นายอมรพันธ์ ทองละมุล อายุ 28ปี อยู่บ้านเลขที่ 145 หมู่ 5 ต.ห้วยจันทร์ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พร้อมของกลางไม้พะยูง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 20 ซม. ยาวประมาณ 2 เมตร จำนวน 26 ท่อน รวมมูลค่ากว่า 400,000 บาท และรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน บบ 1650 ศรีสะเกษ
โดยจับกุมได้บริเวณจุดตรวจตู้ยามดงเค็ง ต.ประทาย อ.ประทาย จ.นครราชสีมา ตรวจค้นพบไม้พะยูงถูกซุกซ่อนอยู่ด้านหลังกระบะใช้ถุงปุ๋ยขี้ไก่ทับไว้อีกชั้นเพื่ออำพรางการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
นายอมรพันธ์ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า รับจ้างขนไม้พะยูงดังกล่าว มาจาก จ.บุรีรัมย์ โดยมีคนขับรถคันดังกล่าวมาจอดไว้ให้ตนมารับช่วงขับรถต่อ ส่งปลายทางที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท.สาขาบ้านวัด อ.คง จ.นครราชสีมา ในราคา 5,000 บาท โดยผู้จ้างได้วางเงินไว้บริเวณหน้ารถ จากนั้นจะมีคนมารับช่วงขับรถต่อไปส่งยังปลายทางที่กรุงเทพฯ ซึ่งทำมาแล้วรวม 2 ครั้งแต่มาถูกจับได้ครั้งนี้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา ว่า มีไม้หวงห้าม (ไม้พะยูง) อันที่ยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ประทาย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภ.3 เปิดเผยว่า หลังจากมีการปราบปราบขบวนการลักลอบตัดและขนไม้พะยูงอย่างหนักในช่วงนี้ ทำให้กลุ่มผู้ลักลอบพยายามปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ในการขนโดยหลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางถนนสายรองแทนจากเดิมที่ใช้ถนนสายหลัก และจะใช้คนขับมารับช่วงการขับรถต่อเป็นทอดๆ เพื่อตัดตอนไม่ให้สาวถึงผู้บงการรายใหญ่
อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานการณ์โดยรวมสถิติการลักลอบขนไม้พะยูงลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม้พะยูงทั้งหมดถูกตัดมาจากป่าชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ และ อุบลราชธานี ซึ่งการสอบสวนจะต้องสาวลงลึกไปให้ถึงกลุ่มผู้บงการหรือนายทุน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ