อุตรดิตถ์ - มอดไม้ไปไม่รอด ลักลอบตัดไม้มานานถูกจับได้ 2 แถมตรวจเจอฉี่ม่วงซ้ำ หลังเหิมหนักยิงใส่เจ้าหน้าที่ระหว่างขับรถไล่ตามจับก่อนเพื่อเปิดทางหนี เจอยิงสวน-ไล่ชนท้าย ทำรถพุ่งชนรั้วบ้านชาวบ้าน จนถูกจับได้ในที่สุด
หลังจากที่ นายธงชัย สิริภัฒนานุกูลชัย ผอ.สำนักอนุรักษ์พื้นที่ 11 (พิษณุโลก) กรมอุทยานแห่งชาติ ได้มีคำสั่งให้ออกตรวจสอบและเฝ้าติดตาม จับกุมขบวนการลักรอบตัดไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เนื่องจากได้รับการร้องเรียน ว่า มีมอดไม้ทำกันเป็นขบวนการ และทำกันเกือบทุกวัน จึงมอบหมายให้ นายพัฒนศักดิ์ ภูมิประภาส หัวหน้าสายตรวจปราบปรามประจำสำนักพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 สายที่ 2 พิษณุโลก และ นายมงคล มิ่งขวัญ หัวหน้าฐานปฏิบัติการที่ 4 (ห้วยไผ่) นำกำลังออกตรวจสอบในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติห้วยไคร้ ห้วยเกียงพา หมู่ที่ 6 ตำบลด่านนาขาม อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ แปลงป่าปลูก (ไม้สัก) ปี 2509 ซึ่งได้เฝ้าจับกุมกลุ่มมอดไม้ต่อเนื่องเป็นคืนที่ 3
กระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น.ของคืนที่ผ่านมา (21 ก.พ.) รับแจ้งจากสายว่า กลุ่มมอดไม้จากจังหวัดแพร่ ได้นำรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน รุ่นฟรอนเทียร์ สีเงินเทา ทะเบียน 6872 สท กำลังเข้ามาขนไม้สักบริเวณป่าสงวนฯ ดังกล่าว จึงจัดชุดเฝ้าติดตามจับกุม 3 ชุดๆละ 5 นาย กระทั่งถึงเวลาดังกล่าวพบรถจักรยานยนต์ขับออกมาจากสวนป่า และมีรถยนต์คันต้องสงสัยขับตามมา เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น แต่เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ คนขับได้ขับรถหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้ออกติดตามไปอย่างกระชั้นชิด
โดยกลุ่มผู้ลักลอบตัดไม้ได้ขับหลบเข้ามาในหมู่บ้านห้วยกั้ง หมู่ที่ 6 ตำบลด่านนาขาม ซึ่งเป็นทางตัน และพยายามเบียดรถเจ้าหน้าที่ให้ตกถนน ขณะไล่กวดกันอยู่นั้นเจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงปืนดังออกมาจากรถของกลุ่มมอดไม้ 2 นัด จึงได้ยิงสวนไปบ้าง พร้อมทั้งได้ขับรถพุ่งชนท้ายรถของขบวนการลักลอบตัดไม้ ทำให้รถเสียหลักออกข้างทางไปชนกับกำแพงบ้านของชาวบ้านและคนที่อยู่ในรถ จึงเปิดประตูพากันวิ่งหลบหนีไปจำนวน 2 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็สามารถติดตามตัวมาได้ ขณะนอนหลบซ่อนตัวในป่าข้างทาง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร ทราบชื่อนายอนุวัช ชมสวน อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 116/1 หมู่ที่ 9 ตำบลดอนมูล อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ และนายมงคล คงทอง อายุ 21 ปี บ้านเลขที่ 201 หมู่ที่ 14 ตำบลน้ำชำ อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ เช่นกัน
ผู้ต้องหารับว่ารับจ้างขนไม้สักดังกล่าวนำไปส่งให้พ่อค้าที่อำเภอสูงเม่น ได้รับค่าจ้างครั้งละ 6,000 บาท ซึ่งจะขนอาทิตย์ละ2-3 ครั้ง ส่วนไม้ ที่ตัดก็ตัดมาจากเขตป่าโดยจ้างคนในพื้นที่ เต็มรถปิกอัพ 1 คันๆละกว่า 30,000 บาท และที่พบบนรถไม้สักจำนวน 21 ท่อน โตขนาด 70-110 ซม.ยาว 2 เมตร พร้อมเงินสดอีก 15,000 บาท เพื่อนำมาจ่ายค่าไม้
ผู้ต้องหายังรับอีกว่า ผู้ที่ขับรถจักรยานยนต์ที่คอยดูต้นทางทราบเพียงชื่อเล่นว่า นายหล่ำ ไม่ทราบชื่อสกุลจริง เป็นชาวบ้านที่บ้านห้วยกั้งจุดเกิดเหตุนี่เอง จากนั้นได้ประสานไปที่ตำรวจหน่วยบริการประชาชนบ้านไฮ้ฮ้า ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบให้มาร่วมจับกุม ค้นในรถยังพบแผ่นฟอยล์ที่มีไว้สำหรับเสพยาบ้าวางอยู่หน้ารถ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปตรวจปัสสาวะพบว่าทั้ง 2 เป็นสีม่วง
นอกจากนี้ เมื่อเปิดแผ่นป้ายทะเบียนออก พบว่า ด้านหลังป้ายทะเบียนอีกแผ่นมีทะเบียนจริงซ่อนอยู่ คือ บน 1066 แพร่ ส่วนทะเบียนที่ติดรถอยู่เป็นหมายเลข บธ 6872 สุโขทัย เป็นทะเบียนปลอม
เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาทำไม้สักหรือกระทำด้วยประการใดๆ แก่ไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต (มาตรา 11) มีไม้หวงห้าม (ไม้สัก) อันยังมิได้แปรรูป โดยมิได้มีดวงตราของเจ้าหน้าที่รัฐ หรือรัฐบาล (มาตรา 69) และร่วมกันทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่ง ร.ต.อ.ทองสา สิงขรณ์ ร้อยเวร สภ.เมืองอุตรดิตถ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป