ตาก - ไฟป่าจากฝั่งพม่าลุกลามข้ามฝั่งไทยไหม้ไร่อ้อย - ถั่วเขียวฝั่งไทยเสียหาย ขณะที่พื้นที่การเกษตรแถบชายแดนเมืองตาก มีร่องรอยถูกเผานับหมื่นไร่ เชื่อเป็นต้นเหตุปัญหาหมอกควันคลุมทั้งจังหวัดในขณะนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตาก วันนี้ (20 ก.พ.) ว่า ได้เกิดไฟป่าไหม้ปกคลุมไปทั่วพื้นชายแดนฝั่งพม่า บริเวณบ้านเลอเบอเฮอ และบ้านทิซอเล ตรงข้ามบ้านหนองบัว อำเภอท่าสองยาง และตลอดรายทาง เนื่องจากเกษตรกรพม่าเผาตอซังข้าว และซังข้าวโพด ซึ่งมีปลูกกันมากแล้วลุกลามเข้าเขตป่าไม้สัก โดยสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนทางฝั่งไทยที่ชายแดน อ.ท่าสองยาง และ อ.แม่ระมาด โดยที่ยังไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบในการป้องกันไฟป่าโดยตรงทำให้ไฟป่าลุกลาม
รวมทั้งเกิดสะเก็ดไฟปลิวมาตกพื้นที่การเกษตรฝั่งไทย จนเกิดลุกไหม้พื้นที่เกษตร เช่น อ้อยและถั่วเขียว เสียหายไปจำนวนหนึ่ง รถดับเพลิง อบต.ในพื้นที่ต้องเข้าไปสกัดเปลวไฟไม่ให้ลุกลามไปถูกบ้านเรือนราษฎร
นอกจากนี้ บริเวณด่านสะพานมิตรภาพไทย-พม่า อ.แม่สอด จ.ตาก ตรงข้ามจังหวัดเมียวดีของประเทศพม่าพบว่า จากปัญหาไฟป่าในหลายพื้นที่ในฝั่งพม่าทำให้หมอกควันกระจายไปทั่วส่งผลให้ท้องฟ้าขมุกขมัวมืดครึ้มทั่วทั้งสองฝั่ง นายปัญญารัตน์ รังศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัดตาก ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ สอดส่องดูแล พื้นที่ป่าที่ถูกไฟป่าครอบคลุมแล้ว
ด้าน พ.อ.อุกฤต นุตกำแหง ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 แม่สอด ได้สั่งการให้ทหาร ขึ้นบินสำรวจผืนป่าที่ถูกเผาและเกิดไฟป่า โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ บินสำรวจเพื่อแจ้งให้กองทัพเพื่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการหาแนวทางดับไฟป่าต่อไป
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ออกสำรวจพื้นที่ดินและป่าที่ถูกเผาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งส่งผลทำให้เกิดมลภาวะอากาศเป็นพิษมีหมอกควันปกคลุมไปทั่วบริเวณ พบว่า พื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน มีร่องรอยถูกเผามากกว่า 10,000 ไร่ ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้เกิดหมอกควันปกคลุม ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนมีอาการแสบตาไอ มีปัญหาระบบทางเดินหายใจและถึงขั้นแพ้อากาศ
รวมทั้งส่งผลต่อระบบการคมนาคม-การสัญจรไป-มาของประชาชน ทั้งทางรถยนต์และทางอากาศ ที่หากมีหมอกควันปกคลุมในปริมาณที่มากก็ทำให้เครื่องบินขึ้นหรือลงจอดไม่ได้ ส่งผลเสียทั้งทางสุขภาพ-การประกอบธุรกิจ ของประชาชน และการทำงานของภาคราชการ ฯลฯ
นายอุดมศักดิ์ ปาลกะวงศ์ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าแม่สอด กล่าวว่า ทางหน่วยฯได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมาก เพื่อขอให้ดำเนินการกับผู้จุดไฟเผาป่า และที่ดินของตัวเองเพื่อทำการเกษตร ซึ่งการเผาป่าและจุดไฟเผาที่ดินเพื่อทำการเกษตรส่งผลกระทบเป็นวงกว้างและรุนแรงมากขึ้น ตนเองจะใช้ พ.ร.บ.ควบคุมไฟป่า และ พ.ร.บ.ป่าไม้ ดำเนินการอย่างเฉียบขาดและเข้มข้นกับผู้บุกรุกจุดไฟเผาป่า หรือที่ดิน เพราะเป็นการสร้างความเดือดให้ประชาชนส่วนใหญ่อย่างกว้างขวาง
“หน่วยควบคุมไฟป่าแม่สอด ที่ดูแลรับผิดชอบผืนป่ากว่า 250,000 ไร่ ทั้งในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า-อุทยานแห่งชาติ-เขตป่าสงวนฯ ขอความร่วมมือจากประชาชนได้แจ้งเบาะแสของกลุ่มผู้ลักลอบจุดไฟเผาป่าและหญ้า ทั้งนี้เพื่อเร่งเข้าดำเนินการดับก่อนลุกลามรวมทั้งการเข้าจับกุมดำเนินคดี” นายอุดมศักดิ์ ปาลกะวงศ์ กล่าว
