ฉะเชิงเทรา - หน่วยงานรัฐแจงเหตุการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพงชายฝั่งอืด เพราะผู้เลี้ยงไม่มีใบอนุญาต ให้ประกอบการหลังกรมเจ้าท่าเข้มงวดพื้นที่แนวชายฝั่ง เผยต้องขอเวลาดูช่องทางที่จะทำการเยียวยาตามกระบวนการที่เห็นสมควรในหลักเกณฑ์ของกฎหมาย
วันนี้ (14 ก.พ.55) นายศิวาโรจน์ มุ่งหมายผล ปลัดจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้เลี้ยงปลากะพงในกระชังบริเวณปากอ่าวแม่น้ำบางปะกงออกมารวมตัวเคลื่อนไหวเรียกร้องเงินค่าชดเชยจากภัยพิบัติในกรณีที่รัฐบาลระบายน้ำท่วมขังจากทางภาคเหนือ ลงมาในพื้นที่จนทำให้ปลาในกระชังตายว่า เรื่องดังกล่าวนั้น ปัญหาอยู่ที่ชาวประมงผู้เลี้ยงปลาในกระชัง มีทั้งส่วนที่ดำเนินการอย่างถูกต้องและไม่ถูกต้อง ซึ่งส่วนที่ดำเนินการเพาะเลี้ยงอย่างไม่ถูกต้อง มีเป็นจำนวนมากถึงกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 190 ราย และมีส่วนที่ได้รับอนุญาตเพียงกว่า 10 รายเท่านั้น
ตั้งแต่ปี 2551 ที่ผ่านมา กรมเจ้าท่าได้เริ่มมีการเข้มงวดต่อการออกใบอนุญาตการทำประมงหรือเลี้ยงปลาในกระชังดังกล่าวโดยไม่ได้ออกใบอนุญาตให้แก่กลุ่มผู้เลี้ยงปลาในกระชังที่ปลูกสร้างกระชังกีดขวางทางน้ำ หรือขวางเส้นทางการเดินเรือจึงทำให้ทางประมงจังหวัดนั้นไม่สามารถที่จะสนับสนุนหรือออกใบอนุญาตให้แก่ชาวประมงผู้เลี้ยงปลาในกระชังกลุ่มดังกล่าวนี้ได้
นายศิวาโรจน์ กล่าวต่อไปว่า การช่วยเหลือที่ผ่านมานั้น มีผู้ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องและได้รับการช่วยเหลือไปแล้วจำนวน 1 รายและกำลังจะได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติมอีกกว่า 10 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ที่มีเอกสารการอนุญาตครบถ้วนส่วนผู้ที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือนั้น ขณะนี้ทางประมงจังหวัดก็ได้ออกมารับเรื่องไปแล้วเพื่อที่จะนำไปหาแนวทางในการช่วยเหลือว่าจะทำอย่างไรต่อไป ที่จะช่วยเหลือ หรือเยียวยาได้บ้าง ซึ่งจะต้องดูหลักเกณฑ์ และหาวิธีที่จะทำเรื่องเสนอในการช่วยเหลือต่อไป
สำหรับกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือนั้นไม่มีใบอนุญาตเกือบทั้งหมด โดยมีเพียงใบเสียค่าน้ำฉบับเก่าเมื่อหลายปีที่แล้วในการนำมายื่นแสดงขอค่าชดเชย ซึ่งหลักเกณฑ์นั้นมีอยู่แล้วแต่อาจจะไม่ตรงกับความต้องการของชาวประมงที่ออกมาเคลื่อนไหว โดยหลักการ ทางจังหวัดมีหน้าที่ดูแลในเรื่องของความเดือดร้อนของประชาชนหากมีผู้ได้รับความเดือดร้อนและเห็นว่าสมควรจะได้รับการช่วยเหลือก็ต้องประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการหาทางเยียวยา
หลังจากตัวแทนจังหวัด และทางประมงจังหวัดฉะเชิงเทรา ลงมารับเรื่องและรับปากกับชาวบ้านว่าจะนำไปดำเนินการหาทางเยียวยาให้กลุ่มผู้ชุมนุมจึงได้ยอมสลายตัวไปกลับไปในที่สุด
วันนี้ (14 ก.พ.55) นายศิวาโรจน์ มุ่งหมายผล ปลัดจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้เลี้ยงปลากะพงในกระชังบริเวณปากอ่าวแม่น้ำบางปะกงออกมารวมตัวเคลื่อนไหวเรียกร้องเงินค่าชดเชยจากภัยพิบัติในกรณีที่รัฐบาลระบายน้ำท่วมขังจากทางภาคเหนือ ลงมาในพื้นที่จนทำให้ปลาในกระชังตายว่า เรื่องดังกล่าวนั้น ปัญหาอยู่ที่ชาวประมงผู้เลี้ยงปลาในกระชัง มีทั้งส่วนที่ดำเนินการอย่างถูกต้องและไม่ถูกต้อง ซึ่งส่วนที่ดำเนินการเพาะเลี้ยงอย่างไม่ถูกต้อง มีเป็นจำนวนมากถึงกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 190 ราย และมีส่วนที่ได้รับอนุญาตเพียงกว่า 10 รายเท่านั้น
ตั้งแต่ปี 2551 ที่ผ่านมา กรมเจ้าท่าได้เริ่มมีการเข้มงวดต่อการออกใบอนุญาตการทำประมงหรือเลี้ยงปลาในกระชังดังกล่าวโดยไม่ได้ออกใบอนุญาตให้แก่กลุ่มผู้เลี้ยงปลาในกระชังที่ปลูกสร้างกระชังกีดขวางทางน้ำ หรือขวางเส้นทางการเดินเรือจึงทำให้ทางประมงจังหวัดนั้นไม่สามารถที่จะสนับสนุนหรือออกใบอนุญาตให้แก่ชาวประมงผู้เลี้ยงปลาในกระชังกลุ่มดังกล่าวนี้ได้
นายศิวาโรจน์ กล่าวต่อไปว่า การช่วยเหลือที่ผ่านมานั้น มีผู้ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องและได้รับการช่วยเหลือไปแล้วจำนวน 1 รายและกำลังจะได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติมอีกกว่า 10 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ที่มีเอกสารการอนุญาตครบถ้วนส่วนผู้ที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือนั้น ขณะนี้ทางประมงจังหวัดก็ได้ออกมารับเรื่องไปแล้วเพื่อที่จะนำไปหาแนวทางในการช่วยเหลือว่าจะทำอย่างไรต่อไป ที่จะช่วยเหลือ หรือเยียวยาได้บ้าง ซึ่งจะต้องดูหลักเกณฑ์ และหาวิธีที่จะทำเรื่องเสนอในการช่วยเหลือต่อไป
สำหรับกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือนั้นไม่มีใบอนุญาตเกือบทั้งหมด โดยมีเพียงใบเสียค่าน้ำฉบับเก่าเมื่อหลายปีที่แล้วในการนำมายื่นแสดงขอค่าชดเชย ซึ่งหลักเกณฑ์นั้นมีอยู่แล้วแต่อาจจะไม่ตรงกับความต้องการของชาวประมงที่ออกมาเคลื่อนไหว โดยหลักการ ทางจังหวัดมีหน้าที่ดูแลในเรื่องของความเดือดร้อนของประชาชนหากมีผู้ได้รับความเดือดร้อนและเห็นว่าสมควรจะได้รับการช่วยเหลือก็ต้องประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการหาทางเยียวยา
หลังจากตัวแทนจังหวัด และทางประมงจังหวัดฉะเชิงเทรา ลงมารับเรื่องและรับปากกับชาวบ้านว่าจะนำไปดำเนินการหาทางเยียวยาให้กลุ่มผู้ชุมนุมจึงได้ยอมสลายตัวไปกลับไปในที่สุด
