รวบผู้ต้องหาก่อการร้ายภาคใต้ขณะขึ้นโรงพักจะเสียค่าปรับข้อหา “ผ่าไฟแดง” ตำรวจตรวจประวัติพบมีหมายจับจากศาลจังหวัดปัตตานี เจ้าตัวปัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อ้างหลังเรียนจบเคยกลับไปเปิดอู่ จยย.ที่บ้าน สอนเด็กวัยรุ่นในพื้นที่เรื่องเครื่องยนต์อาจเป็นเหตุถูกออกหมายจับ
วันนี้ (9 ก.พ.) เวลา 18.30 น. ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) พ.ต.อ.พชร บุญญประสิทธิ์ รรท.ผบก.น.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงพล วัธนะชัย รองผบก.น.1 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.นางเลิ้ง แถลงการจับกุม นายมูฮามะดารี แยนา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/2 หมู่ 6 ต.มะนังดาลำ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปัตตานี เลขที่ จ.22/2549 ลงวันที่ 14 มกราคม 2549 ข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย สะสมกำลังพลหรืออาวุธ จัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สินให้หรือรับการฝึกก่อการร้าย ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อก่อการร้ายเป็นอั้งยี่ และสมคบกันเป็นซ่องโจร เพื่อการก่อการร้าย โดยจับกุมได้ขณะที่ผู้ต้องหามาจ่ายค่าปรับใบสั่งที่ สน.นางเลิ้ง
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยเปิดเผยว่าไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุและไม่ได้รับรู้เรื่องการรวมตัวก่อการร้ายแต่อย่างใด สาเหตุอาจจะมาจากที่หลังจากตนเรียนจบจากสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันก็ได้กลับบ้านที่ จ.ปัตตานี โดยไปเปิดอู่ซ่อมรถและจำหน่ายน้ำมันเครื่อง ทำให้เด็กวัยรุ่นในพื้นที่มาเรียนรู้การซ่อมเครื่องยนต์และวิชาช่างยนต์จากตนเป็นจำนวนมาก ทำให้รู้จักกับชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่ผู้ก่อเหตุบางคนรู้จักกับตนจึงทำให้ตนถูกออกหมายจับไปด้วย แต่ตนก็ไม่รู้ว่าใครบ้างเป็นผู้ก่อเหตุความไม่สงบ เพราะหลังจากปี 2549 ที่เริ่มเกิดเหตุความไม่สงบในภาคใต้ ทำให้ตนไม่อยากอยู่และไม่อยากยุ่งกับเหตุการณ์ดังกล่าวจึงได้เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ในปีเดียวกัน
พ.ต.อ.พชรเปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาถูกยึดใบอนุญาตขับขี่ในข้อหาผ่าไฟแดง และมีหมายจับของศาลจังหวัดปัตตานี ทั้งยังไม่เคยถูกจับมาก่อนหน้านี้ จึงได้ทำการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีหมายจับจาก จ.ปัตตานี มาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เบื้องต้นทางผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธซึ่งเป็นสิทธิของผู้ต้องหา แต่เจ้าหน้าที่ต้องจับกุมตามหมายจับ ซึ่งหลังจากนี้จะนำตัวผู้ต้องหาส่งศาลจังหวัดปัตตานีดำเนินคดีต่อไป