กาญจนบุรี - ปธ.กลุ่มอนุรักษ์กาญจน์และกลุ่มสตรีกาญจนบุรีวิ่งโร่แจ้งความตำรวจ หลังแผ่นป้ายรีสอร์ตบ้านทอง ถูกมือดีลอบทำลายขว้างปาจนป้ายเป็นรู เจ้าตัวยันเป็นการข่มขู่จากกลุ่มคนบุกรุกที่สาธารณะริมแม่น้ำแม่กลองที่เคยถูกร้องเรียน เผยที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใคร พร้อมจี้หน่วยงานของรัฐดำเนินการ ลั่นหากยังเงียบอีกเจอร้องดีเอสไอ แน่นอน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (12 ก.พ.) นางภินันท์ โชติรสเศรณี ประธานกลุ่มอนุรักษ์กาญจน์ และประธานกลุ่มสตรีกาญจนบุรี ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมหวัง พานแก้ว พงส.สบ3 สภ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เพื่อแจ้งความลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากแผ่นป้ายโฆษณารีสอร์ตบ้านทอง ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 55/1 ถนนแสงชูโต หมู่ 2 ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ถูกของแข็งไม่ทราบอะไรทำลายจนแตกเป็นรูโบ๋ เหตุเกิดเมื่อกลางคืนของวันที่ 12 ก.พ.55 นี้เวลาประมาณ 01.00 น.โดยตอนเช้าได้รับรายงานจากผู้จัดการรีสอร์ต ตนจึงได้ไปตรวจสอบพบว่าเป็นความจริง จึงได้มาแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวัน คาดว่าคนร้ายน่าจะลงมือก่อเหตุหลังเที่ยงคืนไปแล้ว เพราะผู้จัดการรีสอร์ต บอกว่าตอน 5 ทุ่มแขกเดินทางกลับไปแล้ว ตอนปิดประตูก็ไม่มีอะไร แต่พอตอนเช้ามาเปิดประตูก็พบว่าแผ่นป้ายรีสอร์ตถูกทำลายจนแผ่นป้ายแตกเสียหาย
หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่าแผ่นป้ายขนาดใหญ่ ซึ่งทำด้วยพลาสติกตรงกลางมีร่องรอยการถูกทำลายจนแตกเป็นรูโบ๋จริง จึงทำการบันทึกภาพและเก็บรายละเอียดในที่เกิดเหตุไว้ทั้งหมดเพื่อจะได้ประสานไปทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดฯ เดินทางมาตรวจสอบอีกครั้ง
หลังการตรวจสอบที่เกิดเหตุ นางภินันท์ เปิดเผยว่า ตนเดินทางแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพราะว่าแผ่นป้ายถูกมือดีขว้างปาหรือยิง ยังไม่รู้ว่าใช้อะไรเป็นอาวุธ สอบถามผู้จัดการรีสอร์ตทราบว่า เวลาประมาณ 24.00 น.ผู้จัดการไปปิดประตูรั้วรีสอร์ตก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่เมื่อตอนเช้าเวลา 05.00 น.ผู้จัดการเดินไปเปิดประตูเพื่อให้นักท่องเที่ยวกลับก็พบว่าแผ่นป้ายโฆษณารีสอร์ตบ้านทอง ถูกทำลายจนแตกเสียหาย จึงมาแจ้งความ
“ที่ผ่านมา ฉันทำงานด้านการต่อสู้ดูแลทรัพยากรธรรมชาติและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยส่วนตัวไม่เคยมีเรื่องโกรธ หรือบาดหมางกับใคร มีแต่ดูแลทรัพย์สมบัติชาติเท่านั้น เพราะฉะนั้นการที่มาทำลายป้ายบ้านของฉัน ถือว่าเป็นการข่มขู่ ให้หยุดนะ ถ้าไม่หยุดก็จะโดนแบบนี้ ด้วยเหตุนี้ฉันจึงต้องไปแจ้งความ”
นางภินันท์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ร้องเรียนเรื่องการบุกรุกที่หลวงที่มีเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะแถวถนนริมแม่น้ำแม่กลอง มีการบุกรุกที่ริมน้ำ นอกจากนี้ยังมีการบุกรุกถนนอีก โดยมีการทำรั้วกั้นเป็นของใครของมันทั้งๆ ซึ่งที่เหล่านี้เป็นที่ที่ในอดีตตอนที่ก่อนจะสร้างเขื่อนได้มีการเวนคืนแล้วทั้งหมด เพราะฉะนั้นที่ตรงนี้เป็นที่ของกรมชลประทาน และที่ของราชพัสดุทั้งหมด แต่เจ้าหน้าที่ของหลวงไม่ว่าจะเป็นกรมชลประทาน ไม่ว่าจะเป็นราชพัสดุหรือแม้แต่จังหวัดฯก็ไม่เคยใส่ใจเข้ามาดู
“ฉันอยากจะเรียกร้องให้สื่อมวลชนช่วยกันนำเสนอข่าวในเรื่องนี้ให้มากๆ และอย่างจริงจัง เช่นเดียวกับที่สวนผึ้ง เนื่องจากจะได้ทำให้เจ้าหน้าที่ตื่นตัว โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ จะได้เข้ามาตรวจสอบ ฉันหวังว่าวันหนึ่งถ้าเกิดเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในพื้นที่ไม่มีปัญญาจริงๆ แล้ว ฉันก็คงต้องไปที่ ดีเอสไอ ความจริงฉันอยากจะให้คนของเราทำงานก่อนถ้าคนของเราหมดน้ำยาที่จะต่อสู้เพื่อเอาพื้นที่ของหลวงคืนฉันก็ต้องแจ้งดีเอสไอ อันนี้เป็นขั้นตอนต่อไป คนที่บุกรุกส่วนใหญ่เป็นคนมีสี ส่วนใหญ่เป็นคนทำงานรัฐ อย่าบอกว่าเป็นใครเลย เป็นนักธุรกิจบ้างแต่ไม่เยอะ” นางภินันท์ กล่าว
