ฉะเชิงเทรา - ชาวนาแปดริ้ว เดินสายร้องเรียน หลังคดีไม่คืบหน้า ล่าสุด ออกเร่เดินสายขอความเป็นธรรมในพื้นที่ หลังแห่ขนข้าวออกไปขายนอกพื้นที่ แต่ถูกโรงสีเจ้าเล่ห์จ่ายเช็คเด้งโกงจนหมดตัว เผย สูญข้าวเปลือกมูลค่าถึงกว่า 30 ล้านบาท เชื่อมีขบวนการและกลุ่มอิทธิพลหนุนหลัง
วันนี้ (7 ม.ค.) ที่ศูนย์ดำรงธรรมศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มีกลุ่มตัวแทนชาวนาจำนวนกว่า 20 คนจากในเขตพื้นที่ หมู่ 10 ต.บางน้ำเปรี้ยว อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ได้เดินทางเข้ามาร้องเรียน และขอเข้าพบ นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนขอความช่วยเหลือหลังจากกลุ่มชาวนาในพื้นที่ จำนวนกว่า 50 ราย ได้นำผลผลิตข้าวเปลือกจากแปลงนาออกไปส่งขายให้แก่โรงสีข้าวแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่หนองจอก กรุงเทพฯ
เนื่องจากโรงสีดังกล่าวประกาศให้ราคาดี และเห็นว่า อยู่ใกล้เพราะเป็นพื้นที่ติดกัน แต่กลับไม่ได้รับเงินค่าข้าวที่นำไปขายให้ เพราะโรงสีดังกล่าว จ่ายค่าข้าวเป็นเช็ค แต่เมื่อนำไปขึ้นเงินกลับถูกธนาคารปฏิเสธที่จะจ่ายให้ รวมมูลค่าประมาณ 30-50 ล้านบาท โดยการร้องเรียนครั้งนี้มีนายศิวาโรจน์ มุ่งหมายผล ปลัดจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นตัวแทนในการรับหนังสือร้องทุกข์ดังกล่าวของชาวบ้านไว้
ด้าน นายวิเชียร เลาะเนาะ อายุ 44 ปี หนึ่งในชาวนาผู้ได้รับความเดือดร้อนกล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา (ส.ค.-พ.ย.54) โดยชาวนาในเขตพื้นที่ อ.บางน้ำเปรี้ยว จำนวนกว่า 50 ราย ได้พากันทยอยนำข้าวเปลือกไปส่งขายให้แก่โรงสีข้าวแห่งหนึ่ง (ห้างหุ้นส่วน เรโทรไรซ์) ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ ม.1 ถ.สังฆสันติสุข แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม.เนื่องจากเห็นว่าให้ราคาดีกว่าโรงสีในพื้นที่ และอยู่ใกล้เพราะเป็นพื้นที่ติดกัน
จนกระทั่งเวลาผ่านไปจนถึงสิ้นปี ชาวนาที่เคยทยอยนำข้าวไปส่งขายให้ทั้งหมด ซึ่งนับรวมแล้วกว่า 50 ราย กลับไม่สามารถที่จะเบิกเงินได้เนื่องจากโรงสีดังกล่าวนั้นได้จ่ายค่าตอบแทนให้แก่ชาวนาเป็นเช็คเงินสดของธนาคารไทยพาณิชย์สาขาคาร์ฟูร์ หนองจอก
เมื่อนำไปขึ้นเงินธนาคารได้ถูกปฏิเสธการจ่ายเงินให้หรือกลายเป็นเช็คเด้ง จึงได้พากันเข้าไปแจ้งความไว้ที่ สน.หนองจอก เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.54 ที่ผ่านมา แต่แล้วเรื่องก็เงียบหายไป โดยมีการติดตามทวงถามคดีกลับไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใดจึงเชื่อว่าเจ้าของโรงสีแห่งนี้น่าจะเป็นบุคคลซึ่งมีอิทธิพลหนุนหลังหรือมีการทำกันแบบเป็นขบวนการใหญ่จึงไม่มีใครกล้าแตะ และทำอะไรได้
นายวิเชียร กล่าวต่อไปว่า ต่อมาจึงได้พากันไปร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องอีกหลายหน่วยงาน แต่ถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนติดต่อกลับมาให้ความช่วยเหลือรวมทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอด้วย ที่ยังบอกปัดกับชาวนาว่าให้รอผ่านกระบวนการเข้าที่ประชุมในการตรวจสอบพิจารณาก่อนว่าจะเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
“ในวันนี้ร้อนใจและชวนกันมาร้องเรียน เพื่อขอความช่วยเหลือจากทางผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่อีกครั้ง เพื่อให้ช่วยประสานงานหรือชี้ช่องทางและให้คำแนะนำในการต่อสู้ในการทวงเงินคืนและหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมายื่นมือเพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรบ้าง เพราะขณะนี้ทั้ง 50 ครอบครัวเรือน เป็นหนี้สินโดยที่ยังไม่มีเงินไปใช้หนี้ รวมทั้งยังไม่มีเงินที่จะนำไปลงทุนทำนาครั้งใหม่ต่อไปด้วย” นายวิเชียร กล่าว
