xs
xsm
sm
md
lg

ศก.อีสานปี 55 โตไม่ต่ำกว่า 2% ก่อสร้าง-ส่งออกหนุน ซ้ำโครงการประชานิยมออกฤทธิ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวขอนแก่น- ปี 55 เศรษฐกิจภาคอีสาน จะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 2-3% เหตุภาคการก่อสร้าง-ส่งออก ยังเติบโตต่อเนื่อง ซ้ำรายได้ภาคครัวเรือนเพิ่มจากนโยบายค่าจ้างขั้นต่ำ 300 ป.ตรี 1.5 หมื่น คืนภาษีรถยนต์คันแรก แนะจับตาการย้ายฐานผลิตจากส่วนกลางเข้าแดนที่ราบสูง และงบก้อนโตโครงการใหญ่จากมติ ครม.สัญจร จ.อุดรฯ

สายวันนี้ (6 ก.พ) ที่ห้องประชุมชั้น 3 ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (สภอ.) จังหวัดขอนแก่น ดร.พิชิต ภัทรวิมลพร ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สภอ.ได้เปิดแถลงข่าวสรุปภาวะเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 1/2555 โดยมีสื่อมวลชนหลายแขนงเข้าร่วมรับฟัง

ดร.พิชิต ภัทรวิมลพร ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สภอ.กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจและการเงินของภาคตะวันออกเฉียงเหนือในไตรมาสที่ 4 ปี 2554 ที่ผ่านมา ว่า ขยายตัวจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ขยายตัวน้อยกว่าไตรมาสที่ 3 ปีเดียวกัน โดยภาคเกษตรกรรมชะลอลงตามราคามันสำปะหลัง และยางพารา ในขณะที่ผลผลิตเกษตรชะลอลงตามผลผลิตข้าว เนื่องจากประสบกับปัญหาอุทกภัยในภาคและมีพื้นที่เสียหายมากกว่าปี 2553

นอกจากนี้ อุทกภัยที่เกิดขึ้นในภาคกลางก็ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงมาก ในกลุ่มผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากขาดแคลนวัตถุดิบ

เช่นเดียวกับภาคการค้าได้ชะลอตัวลง โดยเฉพาะการค้าส่งยานยนต์และวัสดุก่อสร้างจากปัญหาการส่งมอบและการขนส่งสินค้าอันเนื่องมาจากปัญหาอุทกภัยเช่นกัน

ส่วนการใช้จ่ายของภาครัฐเอง มีบทบาทค่อนข้างน้อยในไตรมาสนี้ โดยมีการเบิกจ่ายใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอลงจากไตรมาสที่แล้ว และหากรวมงบไทยเข้มแข็งแล้วกลับหดตัวจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่วนสำคัญเป็นผลมาจากการผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณปี 2555 ล่าช้า

อย่างไรก็ตาม ดร.พิชิต ระบุว่า เศรษฐกิจภาคอีสานยังมีแรงขับเคลื่อนจากการอุปโภคบริโภคของประชาชนขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการค้าปลีก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการย้ายถิ่นชั่วคราวของประชาชนที่ประสบอุทกภัยเข้ามายังภาคอีสาน ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น สะท้อนได้จากการขยายตัวของยอดขายในห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และภาษีมูลค่าเพิ่ม

ประกอบกับการลงทุนของภาคธุรกิจที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 3 เหตุเพราะผู้ประกอบการมีความมั่นใจต่อเศรษฐกิจโดยรวมที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ขณะเดียวกัน ได้รับอานิสงส์จากอุทกภัยในภาคกลาง สะท้อนได้จากภาคการก่อสร้างที่ขยายตัว ทั้งที่เป็นการก่อสร้างเพื่อที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชยื

สำหรับแรงกดดันด้านราคาชะลอลงจากไตรมาสที่แล้วเล็กน้อย โดยอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 3.22 ชะลอลงจากร้อยละ 3.81 ในไตรมาสก่อน ทั้งนี้ เป็นผลจากราคาสินค้าในหมวดพาหนะการขนส่ง และการสื่อสารลดลงร้อยละ 0.72 กระนั้นก็ตามสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มยังสูงขึ้นร้อยละ 7.29 โดยราคาเนื้อสัตว์สูงขึ้นร้อบละ 16.35 ผักและผลไม้สูงขึ้นร้อยละ 8.72

ดร.พิชิต เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของภาคอีสานในปี 2555 นี้ คาดว่า น่าจะขยายตัวร้อยละ 2.0-3.0 โดยมีปัจจัยบวกหลายด้านเป็นตัวผลักดัน ประกอบด้วย ผลกระทบจากน้ำท่วมที่ค่อยๆ คลี่คลายลงเป็นลำดับ ภาคการก่อสร้างยังคงขยายตัวดีตามอุปสงค์เพื่อที่อยู่อาศัยและเพื่อการพาณิชยื สะท้อนจากพื้นที่ก่อสร้างที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง ตลาดส่งออกยังขยายตัวโดยเฉพาะอินเดีย อาเซียน และจีน การทยอยการลงทุนของโครงการที่ได้รับการส่งเสริมจาก BOI สินเชื่อของสถาบันการเงินของรัฐที่ยังคงขยายตัวสูง จะมีส่วนกระตุ้นการอุปโภคบริโภคและการก่อสร้างในระยะต่อไป

ที่สำคัญ รายได้ของภาคครัวเรือนขยายตัวในระดับดี เนื่องจากรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์และจากโครงการแทรกแซงของรัฐ การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท รายได้ปริญญาตรีปรับเป็น 15,000 บาทและผลจากการคืนเงินภาษีรถยนต์คันแรก (ไม่เกินแสนบาท)

“ในปี 2555 นี้ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของภาคอีสานจะขยายได้มากแค่ไหนนั้น ต้องจับตามองว่าจะมีการย้ายฐานการผลิตจากส่วนกลางมายังภาคอีสานมากน้อยแค่ไหน และในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดอุดรธานี จะมีการอนุมัติโครงการพัฒนาขนาดใหญ่กี่มากน้อย แต่ปัจจัยลบที่จะมองข้ามไม่ได้ คือ ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันและราคาสินค้าขั้นปฐมตลอดจนค่าเงินที่ยังคงผันผวนอยู่” ดร.พิชิต กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น