พระนครศรีอยุธยา - รมว.วัฒนธรรมลงพื้นที่กรุงเก่าตรวจโบราณสถานวัดมหาธาตุ “ชำรุด-พังทลายลงมา” สั่งกรมศิลปกรเร่งซ่อมกำแพงพังด่วน
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (31 ม.ค.) นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคณะเดินทางมาตรวจสอบความเสียหายกำแพงโบราณสถานวัดมหาธาตุ ด้านทิศเหนือติดกับวัดราษบูรณะ ภายในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ที่ถูกน้ำท่วมเกิดพังทลายยาวกว่า 10 เมตร โดยมีนายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายสุพจน์ พรหมมาโนช ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับรายงานความเสียหาย
ระหว่างเดินตรวจสอบรอบบริเวณโบราณสถานวัดมหาธาตุ พบว่า ทางจังหวัดได้มีการเตรียมจัดงานอยุธยามรดกโลก จัดให้มีการแสดง แสง สี เสียง ภายในโบราณสถานวัดมหาธาตุ ขนอุปกรณ์เวทีการแสดงเข้าไปติดตั้งด้านในกำแพงเห็นแล้วไม่สมควร จะไปสร้างความเสียหายให้กับตัวโบราณสถานที่อยู่ในสภาพทรุดโทรมจากน้ำท่วมอยู่แล้ว ยิ่งจะเสียหายหนักมากกว่าเดิม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จึงสั่งให้ นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รื้อออกไปให้พ้นตัวโบราณสถาน ถ้าจะจัดแสดงให้หาสถานที่ใหม่
นางสุกุมล คุณปลื้ม เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสภาพกำแพงโบราณสถานวัดมหาธาตุ พังทลายลงมา พบว่า กรมศิลปากรได้ทำการบูรณะซ่อมแซมครั้งสุดท้ายเมื่อประมาณ 30 ปี ที่ผ่านมา ในการซ่อมแซมเป็นการก่ออิฐเป็นผนังโครงสร้างไม่แน่นหนาและยังนำเศษอิฐอัดไว้ด้านใน เมื่อถูกน้ำท่วมขณะน้ำลดลงทำให้เศษอิฐและดินด้านในเกิดการเบ่งตัวพังทลายลงมา ในเบื้องต้นให้สำนักศิลปากรที่ 3 โยกงบประมาณในส่วนที่อนุมัติไว้ก่อนหน้านี้ ในการซ่อมแซมโบราณสถาน จำนวน 6 ล้านบาท เข้ามาซ่อมแซมบูรณะส่วนที่พังและตัวกำแพงโดยรอบของมหาธาตุทั้งหมดเพราะมีสภาพโครงสร้างไม่แตกต่างกัน
นางสุกุมล ยังเปิดเผยต่อว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำให้โบราณสถานที่เป็นมรดกโลกถูกน้ำท่วมไปทั้งหมด ครม.เห็นชอบอนุมัติงบประมาณจำนวน 600 ล้านบาทให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการซ่อมแซมบูรณะให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง เมื่อขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างเสร็จเรียบร้อยได้ผู้รับเหมาก็สามารถดำเนินการบูรณะได้ทันที
ส่วนการจัดงาน แสง สี เสียง อยุธยามรดกโลกที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 10-19 กุมภาพันธ์ 2555 นี้ ทางจังหวัดและผู้จัดงานได้และใช้บริเวณโบราณสถานวัดมหาธาตุเป็นสถานที่แสดงนั้น ตอนนี้ได้สั่งการให้ผุ้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการรื้อออกทั้งหมดอย่างเข้ามายุ่งเกี่ยวกับตัวโบราณสถาน อาจจะส่งผลกระทบได้ถ้าปล่อยให้จัดจะมีความผิดทั้งคนจัดและผู้อนุญาตให้จัด
ด้าน นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ วิศวกรชำนาญการพิเศษ สำนักงานศิลปากรที่ 3 กล่าวว่า การซ่อมแซมในส่วนที่พังอาจจะใช้เวลาไม่เกิน 20 วันเท่านั้น และส่วนที่พังลงมานั้นเป็นส่วนที่หุ้มเปลือกกำแพง โดยจะทำการนำอิฐเข้าไปจนเต็ม ต่างกับเมื่อก่อนที่มีโพลงอากาศมาก จนน้ำเข้าไปแล้วเกิดผุกรอ่นจนพังทลาย คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 20 วัน
นอกจากนี้ ยังต้องเร่งสำรวจโบราณสถานในกลุ่มเดียวกันเช่นวัดพระราม วัดราชบูรณะ และวัดมหาธาตุ เพื่อป้องกันการทรุดตัวที่อาจจะเกิดขึ้นอีก