กาฬสินธุ์ - สุดเวทนาเด็กชายวัย 3 ขวบมีหัวโตไร้พ่อแม่ มีเพียงตายายเลี้ยงดูแบบตามมีตามเกิด กินอาหารได้แต่นมกับข้าวบดอาศัยอยู่กระท่อมเก่าพุพัง ด้วยฐานะสุดยากจนในครอบครัวมีรายได้เพียงวันละ 100 กว่าบาท 5 ชีวิตสุดรันทด
วันนี้ (29 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นางอารีย์ เดชบุรัมย์ อายุ 45 ปี ครูผู้ดูแลเด็กศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองแวงใหญ่ ต.นาจารย์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ว่า มีครอบครัวที่สุดแสนรันทดด้วยฐานะที่ยากจน อาศัยอยู่ในกระท่อมเก่าพุพัง และยังต้องเลี้ยงดูเด็กพิการที่มีศีรษะโต ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วย ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ทราบเรื่องจึงประสานไปยัง นายนิคม ปัญจวัฒน์ นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงในทันที
โดย นายนิคม ปัญวัฒน์ และคณะผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่นิคมเศรษฐกิจพอเพียง ที่บ้านเลขที่ 183 บ้านสะอาด หมู่ที่ 2 ต.ภูปอ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งภาพที่ได้พบเป็นที่น่าเวทนาเป็นที่สุดสมาชิกในครัวเรือนกำลังช่วยดูแลเด็กคนหนึ่งที่มีหัวโตมีขนาดเท่ากับบาตรพระ บนบ้านที่มีสภาพคล้ายกับกระท่อมยกสูงจากพื้นดินเพียง 50 เซนติเมตร มุงด้วยสังกะสีเก่าๆ มีรูรั่วจำนวนมาก
ขณะที่พื้นบ้านที่ทำด้วยไม้มีสภาพเก่าพุพังเป็นอย่างมาก ซึ่งจากการสอบถามทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นของนางบังอร ภูชะนาม อายุ 44 ปี และ นายคำพา ภูชะนาม อายุ 45 ปี สองสามีภรรยา
ทั้งสองสามีภรรยา ระบุว่า เด็กที่หัวโตผิดปกตินั้น เป็นหลานชายชื่อ ด.ช.นพดล ภูชะนาม หรือน้องโป๊งเหน่ง อายุ 3 ขวบ เกิดจากลูกสาว ซึ่งได้คลอดลูกและนำมาทิ้งไว้ให้เลี้ยงตั้งแต่แบเบาะ ขณะที่ผู้ที่เป็นพ่อและแม่ของเด็กก็หายสาบสูญไม่รู้ชะตากรรม เพราะไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยตั้งแต่เอาหลานชายมาทิ้งไว้ให้ระยะเวลาก็ 3 ปีกว่าๆ แล้ว
ซึ่งทุกคนในบ้านที่มีลูกอีก 2 คน ก็ต่างช่วยกันเลี้ยงดูให้ดีแต่ก็ทำได้เพียงตามยถากรรมเท่านั้น ดูแลตามมีตามเกิดไปวันๆ อย่างอาหารของหลานชายกินได้แต่อาหารเหลวถ้าจะให้กินข้าวต้องบดข้าวให้ละเอียดผสมกับนมกล่องในใส่ขวดนมให้ดูดกิน นมก็ได้นมจากศูนย์เด็กเล็กครูเอามาให้วันละกล่องจันทร์-ศุกร์ ถ้าวันไหนนมขาก็ต้องซื้อนมกล่องในตลาดมาให้กินแทน
และซ้ำร้ายเวลาป่วยไข้ต้องหอบขึ้นซาเล้งเก่าๆ ไปหาหมอเพราะครอบครัวลำบากมากโดยเฉพาะหน้าร้อนอากาศร้อนๆ หลานชายจะป่วยบ่อยและมีอาการชักด้วย สงสารหลานชายมากๆ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรพาไปหาหมอหมอบอกว่าถ้าผ่าตัดแล้วก็ไม่หายก็ไม่กล้าเสี่ยง หลานชายยังนั่งไม่ได้ คลานไม่ได้ พูดไม่ได้และต้องนอนบนเบาะ หรือเปลตลอดเวลาเท่านั้นสื่อสารกับหลานก็ไม่ได้ต้องสังเกตุอาการเอง
เช่น ถ้าร้องไห้เสียงดังและน้ำตาไหลแสดงว่ามีอาการเจ็บหัวก็ต้องอุ้มขึ้น ตอนนี้สิ่งที่อยากได้ก็เพียงอาหารสำหรับหลานชายไม่ว่าจะเป็นนม หรือข้าวสาร เพราะทุกวันนี้รายได้ก็มีจากการขายผักวันละ 80-100 บาท และจากลูกชายที่ต้องออกจากโรงเรียนไปรับจ้างวันละ 50-70 บาทเท่านั้น
ด้าน นายนิคม ปัญจวัฒน์ นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า พื้นที่ของครอบครัวที่อาศัยอยู่เป็นพื้นที่จัดสรรของ ส.ป.ก.เป็นครอบครัวยากจนที่ได้รับการจัดสรรจากทางราชการคนละ 2 ไร่ 2 งาน ทั้งนี้ จากการสอบถาม นายสุริชัย พันธ์สุวรรณ ประธานชุมชนทราบว่าครอบครัวนี้ยากจนที่สุดในบรรดา 32 ครัวเรือน ที่อาศัยอยู่ด้วยกันโดยที่ผ่านมาคนในชุมชนนี้คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอดแต่ด้วยความเวทนาและสงสารเด็กจึงต้องการให้มีคนมาช่วยเหลือ
อย่างน้อยก็ได้กินอาหารเสริมดีๆ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทั้งหมดจะรวบรวมและรายงานไปที่เหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป