สุโขทัย - ชาวบ้านเมืองด้ง ศรีสัชนาลัย วอนรัฐช่วยหนุนทำ “ปางช้างศรีสัชฯ” หวังอนุรักษ์ช้างเมืองด้ง เมืองหน้าด่านยันทัพกรุงศรีอยุธยา ในอดีต ซึ่งเคยมีนับ 100 เชือก แต่วันนี้เหลือแค่ 20 เชือก พร้อมเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว-แหล่งเรียนรู้-โฮมสเตย์ ช่วยชาวบ้านอีกทาง
ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (18 ม.ค.) ว่า ขณะนี้ชาวเมืองด้ง ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย กำลังได้เร่งก่อตั้งปางช้างศรีสัชนาลัย บนพื้นที่สาธารณประโยชน์ จำนวน 25 ไร่ ณ บ้านภูนกใต้ หมู่ที่ 13 ต.บ้านตึก หลังสำรวจพบว่า ประชากรช้างเมืองด้ง มีจำนวนลดน้อยลงอย่างน่าเป็นห่วง โดยพวกเขาได้คิดวางแผนร่วมกันอนุรักษ์ไว้ รวมทั้งยังเป็นการแก้ปัญหาช้างบุกรุกที่ทำกินของชาวบ้าน และคาดหวังให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของหมู่บ้าน เพื่อสร้างรายได้ให้คนท้องถิ่น
นายเหมือน ละอองทรง อายุ 70 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน และอดีตนายก อบต.บ้านตึก ในฐานะประธานชมรมคนอนุรักษ์ช้างสุโขทัย กล่าวว่า ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย เป็นหมู่บ้านส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด เดิมเคยมีฐานะเป็น “เมืองด้ง” ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านไว้ยันทัพกรุงศรีอยุธยา เมื่อกว่า 500 ปีก่อน
ที่ผ่านมา ทุกวันที่ 19 เมษายน ของทุกปี ชาวเมืองด้งจะพร้อมใจกันนำช้างที่เลี้ยงไว้ลากซุงแต่ละบ้าน มาเข้าร่วมขบวนแห่ในประเพณีที่ต่อมาเรียกว่า “ประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮง สรงน้ำเจ้าหมื่นด้ง” นำเครื่องเซ่นไหว้ไปสักการะดวงวิญญาณเจ้าหมื่นด้ง ผู้สร้างเมืองด้งนครแห่งนี้ เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติ และระลึกถึงคุณงามความดีของท่าน
“ในอดีตเคยมีช้างมาเข้าร่วมขบวนแห่ถึง 100 เชือก แต่มาปี 2540 จำนวนน้อยลงเหลือ 66 เชือก ล่าสุด ปี 2554 เหลือแค่ 20 เชือกเท่านั้น จึงคิดว่าถึงเวลาแล้ว ที่จะร่วมกันอนุรักษ์ช้างเมืองด้ง ก่อนที่จะสูญพันธุ์ และไม่เหลือให้ลูกหลาน ได้จดจำประวัติศาสตร์ของบรรพบุรุษ” นายเหมือน กล่าว
เขาบอกอีกว่า เรื่องของช้างกับชาวเมืองด้งนั้น มีความผูกพันกันมานานหลายร้อยปีแล้ว ตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นช้างศึกร่วมปกป้องบ้านเมือง กระทั่งปัจจุบันกลายเป็นช้างลากซุงของ อ.อ.ป.และรับจ้างแห่นาค หรือเดินโชว์ในขบวนแห่ ตามงานประเพณีต่างๆ เพื่อหาเงินเลี้ยงคนจนสามารถมีบ้าน และส่งลูกหลานได้เรียนกันจนจบ
“ผมเคยมีช้างเลี้ยงอยู่ 4 เชือก แต่ขายไปแล้ว 3 เชือก ตอนนี้เหลืออยู่ 1 เชือก ชื่อพังน้อย อายุ 30 กว่าปี เคยมีนายทุนมาขอซื้อต่อในราคา 9 แสนบาท แต่ก็ไม่คิดจะขายอีกแล้ว เพราะได้เงินมาไม่นานก็หมดไป จึงตั้งใจจะเลี้ยงเพื่ออนุรักษ์ ไว้ให้ลูกหลานชาวเมืองด้งได้สืบสานเจตนาต่อไป” นายเหมือน กล่าว
ทั้งนี้ ปางช้างศรีสัชนาลัย หรือปางช้างเมืองด้ง มีช้างทั้งหมด 33 เชือก เพิ่งเริ่มก่อตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา โดยผ่านความเห็นชอบของคนทั้งหมู่บ้าน และด้วยความร่วมมือร่วมใจของเจ้าของช้าง ที่ได้ลงทุนกันคนละประมาณ 40,000 บาท เพื่อสร้างบ้านพักให้ควาญช้างอยู่อาศัย และสามารถเป็นเรือนรับรอง ให้กับผู้ที่เดินทางมาเยือนได้
“ในปางช้าง จะมีบ้านพักควาญช้าง โรงช้าง สถานีอนามัยช้าง สระน้ำ ลานกิจกรรม อาคารประชุม และเรือนรับรองอีก 3 หลัง นอกจากนี้ได้เตรียมที่จะปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบ ให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น คาดในเดือนเมษายน 2555 นี้ จะแล้วเสร็จในบางส่วน” นายเหมือน กล่าว
สำหรับแขกที่มาเยือนจะได้พักค้างแบบโฮมสเตย์ เรียนรู้และมีส่วนร่วมในชีวิตความเป็นอยู่ของควาญช้างกับช้าง รวมทั้งจะมีกิจกรรมให้นั่งหลังช้างลุยสวนผลไม้ขึ้นชื่อ อย่างสวนทุเรียน ลางสาด ลองกอง ฯลฯ ที่มีอยู่ในพื้นที่ ต.บ้านตึก รวมกว่า 10,000 ไร่ และชมแหล่งน้ำธรรมชาติกลางหุบเขา ดูวิถีชีวิตของชาวเมืองด้ง ส่วนช่วงกลางคืนก็จะมีพิธีบายศรีสู่ขวัญแบบโบราณ และกิจกรรมอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องการให้หน่วยงานภาครัฐ เข้ามาช่วยเหลือ สนับสนุน และส่งเสริมพัฒนาปางช้างศรีสัชนาลัย ให้อยู่ได้อย่างยั่งยืนต่อไปด้วย
“ที่ผ่านมา หลายคนจำเป็นต้องขายช้างให้นายทุน เพราะแบกรับค่าใช้จ่ายดูแลไม่ไหว อีกทั้งพื้นที่เลี้ยงช้างก็แทบจะไม่มี ปัญหาบุกรุกไร่สวนก็ตามมา ถ้าหากภาครัฐไม่ช่วย ช้างก็ยังคงต้องทำงานหนัก และเร่ร่อนหากินเหมือนเดิม พวกเราชาวเมืองด้งต้องการหยุดวิถีชีวิตแบบนี้” นายเหมือน กล่าว
สำหรับผู้ที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับปางช้างศรีสัชนาลัย สามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่นายเหมือน ละอองทรง มือถือ 086-207-6072 หรือสอบถามนายสมหวัง ลิขิต ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 ต.บ้านตึก มือถือ 081-474-5420