ศูนย์ข่าวศรีราชา- เร่งกู้ซากเรือบรรทุกเหล็ก จมหน้าท่าเรือเคอรี่ สยามซีพอร์ต ศรีราชา หลังจมมานานถึง 5 เดือน พร้อมสั่งปลดระวาง นำขายเป็นเศษเหล็ก
หลังจากที่เรือสินค้า ชื่อ UNISON VIGOR สัญชาติปานามา ถูกเรือ OCEAN FLAVOR สัญชาติปานามาชน และจมบริเวณหน้าท่าเทียบเรือเคอรี่ สยามซีพอร์ต อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2554 โดยหลังจากเรือจม เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถกู้ขึ้นมาได้ เนื่องจากจะต้องรอผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเข้ามาดำเนินการในครั้งนี้
ล่าสุดนายวรพล สุวรรณสบาย ผู้จัดการฝ่ายความปลอดภัย บริษัท เคอรี่ สยามซีพอร์ต ศรีราชา กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ กำลังเร่งกู้ซากเรือ UNISON VIGOR สัญชาติ ปานามา ที่จมอยู่บริเวณหน้าท่าเทียบเรือเคอรี่ สยามซีพอร์ต ศรีราชา โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค.2554 เนื่องจากต้องมีขั้นตอนในการกู้อย่างรอบครอบ จึงต้องใช้เวลาในการกู้นานหลายวัน
ขณะนี้เรือได้ลอยสู่ผิวน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหลังจากนี้จะต้องตรวจสอบว่า บริเวณไหนมีจุดรั่วบ้าง โดยจะต้องเชื่อมเพื่อปิดรอยรั่วดังกล่าวก่อน และหลังจากนั้นจะต้องลากซากเรือลำดังกล่าวออกจากบริเวณหน้าท่า เพื่อไปทำลายโดยการตัด เพื่อขายเป็นเศษเหล็กต่อไป เนื่องจากเรือลำนี้ไม่สามารถนำไปใช้งานได้อีกต่อไป โดยขายเป็นเพียงเศษเหล็กได้อย่างเดียวเท่านั้น
นายวรพล กล่าวต่อไปว่า ในช่วงระยะเวลา 5 เดือน ที่เรือลำดังกล่าวจมอยู่บริเวณหน้าท่านั้น ทางบริษัทฯ เสียผลประโยชน์ โดยเรือลำอื่นๆไม่สามารถเข้ามาใช้บริการได้ สร้างความเสียหายต่อบริษัทเป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทได้ดำเนินการฟ้องร้องและเรียกค่าเสียหายจำนวน 75 ล้านบาท เพื่อเป็นการชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นในเบื้องต้น โดยในความเป็นจริง จะต้องมีรายได้ที่สูงมากกว่านี้หากเรือลำดังกล่าวไม่จมอยู่หน้าท่า เคอรี่ สยามซีพอร์ต ศรีราชา
ด้าน นายเอกราช คันธโร เจ้าพนักงานตรวจท่าชำนาญการ สำนักงานการขนส่งทางน้ำที่ 6 สาขาจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่า ทางบริษัทได้ให้ผู้เชี่ยวชาญมาดำเนินการกู้ซากเรือ ที่จมอยู่หน้าท่า เคอรี่ สยามซีพอร์ต ศรีราชา แล้ว โดยได้กำชับให้ป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะคราบน้ำมันจากใต้ท้องเรือที่อาจจะหลงเหลืออยู่ จึงสั่งให้นำบูม มาล้อมรอบเรือดังกล่าวไว้ก่อน เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น
หลังจากนั้น ทางบริษัทจะสำรวจความพร้อมของตัวเรือ ก่อนที่จะลากเรือดังกล่าว เพื่อไปจอดทอดสมออยู่ระหว่างเกาะสีชังและเกาะลอยต่อไป จากนั้นจะต้องนำเรือลำดังกล่าวไปทำลายเป็นเศษเหล็กและขายต่อไป เพราะเรือลำนี้ไม่สามารถนำไปใช้ประกอบธุรกิจได้อีก เพราะกรมเจ้าท่าจะต้องเพิกถอนสัญชาติเรือลำนี้ เพื่อไม่ให้นำไปใช้งานได้ต่อไป