ศูนย์ข่าวศรีราชา- ชาวบ้านเมืองปราจีนฯออกหาซื้อของหวังทำบุญสะเดาะเคราะห์ส่งท้ายปีเก่า แต่กลับถึงบ้านต้องเศร้าเมื่อพบบ้านถูกไฟไหม้ทั้งหลังก่อนลุกลามไปยังบ้านใกล้เคียง แม้เพื่อนบ้านจะช่วยกันฉีดน้ำสกัดแต่ก็ไม่สามารถทานแรงเพลิงที่โหมไหม้อย่างรวดเร็ว จากสภาพอากาศที่แห้งแล้งจัดประกอบเป็นบ้านทั้ง 2 หลังยังปลูกด้วยไม้เก่าถือเป็นแหล่งเชื้อเพลิงอย่างดี
ร.ต.ท.ภาณุวัฒน์ ใจเที่ยง พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงลุกไหม้ บ้านเลขที่ 78 หมู่ 1 ตำบลดงขี้เหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นบ้านแบบครึ่งปูนครึ่งไม้ โดยชาวบ้านที่ผ่านมาพบเห็นเหตุการณ์ได้พยายามส่งเสียงเรียกร้องให้ผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงช่วยกันฉีดดับสกัดเพลิงที่กำลังโหมลุกไหม้ และลามไปติดบ้านหลังข้างเคียงแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
โดยสามารถฉีดน้ำเลี้ยงบ้านข้างเคียงที่ถูกไฟลุกลามได้เพียงครึ่งหลังจากนั้นจึงได้มีรถน้ำดับเพลิงของเทศบาลตำบลโคกมะกอก และองค์การบริหารส่วนตำบลดงขี้เหล็ก ช่วยสกัดเพลิงจำนวน 4 คัน จึงสามารถควบคุมเพลิง ไว้ในวงจำกัดได้ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ท่ามกลางความโล่งใจของเพื่อนบ้านข้างเคียงที่มีบ้านเรือนปลูกสร้างด้วยไม้ติดกันอีกหลายหลัง
ทั้งนี้ขณะเกิดเหตุ สะเก็ดเพลิงและท่อนไม้ที่ถูกเพลิงไหม้ ได้ปลิวลอยตามกระแสลมและตกลงใส่พื้นที่บริเวณโดยรอบ จนทำเกิดเพลิงไหม้กิ่งไม้พร้อมกันอีกหลายจุด ทำให้ชาวบ้านหวั่นเกรงว่าเพลิงจะลุกลามมาถึงยังตัวบ้านพักของตนเอง
จากการสอบสวนนางสาวเกตุอมรินทร์ ศรีชมพู อายุ 28 ปีบุตรสาวของบ้านหลังเกิดเหตุ ทราบว่า ขณะเกิดเหตุไม่มีคนอยู่ในบ้านเนื่องจากมารดาของตนพร้อมด้วยคนในครอบครัว ได้ปิดล็อกกุญแจบ้านไว้ก่อนออกไปจับจ่ายซื้อในตัวเมืองตั้งแต่เมื่อช่วงเช้า เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ยังวัดแห่งหนึ่ง ในอำเภอกบินทร์บุรี เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้ นายคะนอง ศรีชมพู อายุ 50 ปีผู้เป็นบิดาได้ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงต้องการไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ ส่งท้ายปี หลังจากที่ครอบครัวประสบแต่ปัญหาเคราะห์กรรมมาโดยตลอด
โดยขณะเดินทางออกจากตัวเมืองปราจีนบุรี ไปยังอำเภอกบินทร์บุรี ได้เพียง 30 นาที สามีโทรศัพท์ของตนได้โทรศัพท์แจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้าน จากนั้นจึงพากัน เดินทาง แต่เมื่อมาถึงก็พบว่าบ้านพร้อมทรัพย์สินได้ถูกเพลิงเผาวอด
ด้านนายบำรุง มาลัย อายุ 50 ปี ชาวบ้านใกล้เคียงกล่าวว่า ขณะที่บุตรชายของตนขับรถผ่านบ้านหลังดังกล่าวได้สังเกตเห็นเปลวเพลิงลุกไหม้อยู่บนชั้นสอง ก่อนจะลุกลามลงมายังชั้นล่าง ซึ่งขณะนั้นไม่พบว่ามีคนอยู่ในบ้าน จึงช่วยกันเข้าไปงัดประตูบ้านเพื่อขนของออกมา ได้เพียงรถจักยานยนต์ 1 คัน และตู้เย็น ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ ไม่สามารถขนออกมาได้เนื่องจากเปลวเพลิงโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง ซึ่งสาเหตุเชื่อว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร