ระยอง - "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" รับมอบสมุดปกขาวหอการค้าไทยเสนอรัฐบาลปูแดง 3 หัวข้อหลักพาประเทศชาติรอดพ้นวิกฤต พร้อมปิดการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 29 ที่ระยอง หวังหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศทำหน้าที่อาสาสมัคร ”ตาสับปะรด” จับตาระวังการทุจริตคอร์รัปชั่น
วันนี้ (11 ธ.ค.) ที่โรงแรมสตาร์พลาซ่า อ.เมืองระยอง ทางจังหวัดระยอง ร่วมกับหอการค้าจังหวัดระยอง เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 29 โดยเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 9 -11 ธันวาคม 2554 ภายใต้รวมพลังขับเคลื่อนอย่างยั่งยืนใน 3 หัวข้อหลักเพื่อระดมความคิดจากรับและภาคเอกชนในการแก้ปัญหาชาติ คือ 1.การต่อต้านการคอร์รัปชั่นสร้างสรรค์ประเทศไทย 2.การลดความเหลื่อมล้ำด้านเศรษฐกิจและสังคม 3.ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจหลังวิกฤตน้ำท่วม ซึ่งผลการสัมมนาดังกล่าวในที่ประชุมได้ข้อสรุปจัดทำเป็นสมุดปกขาวยื่นให้กับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในโอกาสเดินทางมาเป็นประธานในพิธีปิดการสัมมนาเพื่อเสนอต่อไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในลำดับต่อไป
นายฉัตรชัย บุญรัตน์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2476 กำลังก้าวย่างสู่ปีที่ 80 การดำเนินการต่างๆ เป็นการดำเนินงานร่วมกับเครือข่ายได้แก่ สมาชิกหอการค้าไทย หอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ หอการค้าต่างประเทศ สมาคมการค้าและหน่วยงานภาครัฐ ทั้งนี้ได้ตระหนักดีว่าการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าอย่างยั่งยืนนั้น ไม่สามารถที่จะผลักดันได้โดยลำพัง แต่ต้องทำด้วยพลังภาคีเครือข่ายร่วมใจกันทุกภาคส่วน เพื่อที่จะผลักดันให้ประเทศไทยมีมาตรฐานสากลในทุกด้านและเป็นหลักหลักประกันได้ว่าประเทศไทยสามารถผลิตสินค้าและบริการที่ปลอดภัยแก่ประชากรโลก
ในการสัมมนาได้จัดการแบ่งกลุ่มสัมมนาเชิงปฏิบัติการออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1.ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจหลังวิกฤตน้ำท่วม กลุ่มที่ 2. การลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมสู่ความยั่งยืน และ กลุ่มที่ 3.การต่อต้านการคอร์รัปชั่นสร้างสรรค์ประเทศไทย โดยทั้ง 3 หัวข้อถือเป็นนโยบายสำคัญที่หอการค้าไทยและหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะร่วมกันขับเคลื่อนอย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง
ซึ่งผลสรุปจากกลุ่มที่ 1 นั้น มาจากสถานการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมาสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน หลายคนกล่าวว่าประเทศไทยขาดผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการน้ำแต่ในความเป็นจริงประเทศไทยมีผู้เชี่ยวชาญบริหารจัดการน้ำอย่างลึกซึ้ง ด้วยการนำคลิปวิดีโอของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเปิดให้ชม โดยเนื้อหาจะเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงพระราชทานแนวพระราชดำริการบริหารจัดการน้ำมานานแล้ว ทางหอการค้าไทยจะเร่งผลักดันให้เกิดการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพตามแนวพระราชดำริต่อไป
และในกลุ่มที่ 2 การลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมสู่ความยั่งยืน หอการค้าไทย ได้เสนอจัดทำโครงการทำนา 1 ไร่ ได้ 1 แสน โดยปีนี้มีการทำโครงการต่อเนื่องที่ตำบลมาบยางพร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ด้วยการทำไร่มันสำปะหลัง 1 ไร่ ได้ 1 แสน ส่วนโครงการ 1 บริษัท 1 ชุมชน ในปี 2554 หอการค้าไทยดำเนินการต่อเนื่องจากปี 2553 รวมทั้งสิ้น 39 โครงการ แบ่งเป็นเกษตรกรรม 19 โครงการ ด้านสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 7 โครงการ ด้านอัญมณีและเครื่องประดับ 7 โครงการ ด้านการแปรรูปอาหาร 4 โครงการ ด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ 1 โครงการ และด้านการพลังงานอีก 1 โครงการ
สำหรับกลุ่มสุดท้ายคือการต่อต้านคอร์รัปชั่นสร้างสรรค์ประเทศไทย โดยในปลายปีที่ผ่านมา นายดุสิต นนทะนาคร อดีตประธานกรรมการหอการค้าไทย ที่ได้เสียชีวิตแล้ว ได้ประกาศเจตนารมณ์ขจัดคอร์รัปชั่นในการประชุมหอการค้าทั่วประเทศที่จังหวัดขอนแก่น และได้ประกาศการรวมพลังจัดตั้งภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นทั่วประเทศในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งการปราบปรามคอร์รัปชั่นถือเป็นหน้าที่ของภาครัฐหอการค้าไทยจะทำงานผ่านภาคีเครือข่ายในการกระตุ้นผลักดันดำเนินการปราบปรามของภาครัฐ โดยจะเน้นบทบาทของหอการค้าในการป้องกันและปลุกจิตสำนึก
โดยให้หอการค้าจังหวัดทำหน้าที่อาสาสมัคร ”ตาสับปะรด” จับตาระวังการทุจริตคอร์รัปชั่น และให้หอการค้าทั่วประเทศแสดงเจตนารมณ์ไม่ทุจริต ไม่จ่ายเพิ่มพิเศษแก่เจ้าหน้าที่รัฐและจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ปลูกจิตสำนึกในระดับเยาวชน และนี่เป็นบทสรุปจากการประชุมสัมมนา ที่ชาวหอการค้าจะรวมพลังขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจและสังคมไทยก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน
ด้าน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาในพิธีปิดสัมมนาว่า ขอขอบคุณหอการค้าและนักธุรกิจที่เป็นสมาชิกได้ร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยน้ำท่วม และในปีนี้รัฐบาลเริ่มเข้าทำงาน การขยายตัวเรื่องการส่งออกของปีสูงกว่าร้อยละ 27 หลังเกิดอุทกภัยส่งผลให้การส่งออกชะงัก เนื่องจากแหล่งการผลิตได้รับผลกระทบ แต่การส่งออกก็ยังอยู่ในอัตราที่สูง
ทั้งนี้ ทางรัฐบาลก็มีการจัดทำโครงการระยะยาวในการบริหารอย่างเป็นระบบทั้ง 25 ลุ่มน้ำ ขณะนี้ให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งไทยและต่างประเทศบินสำรวจเส้นทางระบายน้ำ (ฟลัดเวย์) ฝั่งตะวันตกและตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา และมีแนวทางพัฒนาพื้นที่ฟลัดเวย์ แก้มลิง เป็นแหล่งประมง แหล่งท่องเที่ยว การดูแลการลุกล้ำพื้นที่ทางน้ำจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก
ส่วนเรื่องการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ในเดือนเมษายน 2555 หากสำเร็จจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้มีการขยายตัวมากขึ้น รัฐบาลก็พร้อมสนับสนุนภาคเอกชนให้เกิดการลงทุนมากขึ้น ส่วนข้อสรุปสมุดปกขาว บางข้อก็สอดคล้องกับนโยบายรัฐ แต่บางโครงการเช่นยุทธศาสตร์หลังน้ำลดจะต้องมีการหารือร่วมกัน แต่ที่สำคัญภาครัฐและเอกชนต้องทำงานร่วมกันมากขึ้น
ผศ.ดร.ธนวรรธณ์ พลวิชัย ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า การฟื้นฟูหลังน้ำท่วมมีผลต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในระดับต่ำ ปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรปยังไม่กระทบเศรษฐกิจไทยในวงกว้าง ส่วนภาคเอกชนยังรอดูและเฝ้าติดตามการช่วยเหลือของภาครัฐ เพราะอยากเห็นการฟื้นฟูอย่างเป็นรูปธรรม และอาจมีความหวังว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวหลังน้ำลดได้หลังไตรมาส 1 ปีหน้า แต่ส่วนใหญ่เห็นว่าเศรษฐกิจทั้งปี 2555 จะขยายตัวเพียง 3-4 % แต่มุมมองทางวิชาการเห็นว่าน่าจะขยายตัว 4-5 % ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งให้ความช่วยเหลือภาคธุรกิจและประชาชนเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อไปด้วย