ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ญี่ปุ่นจัดงบผ่านโครงการความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่า เพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์[Grant Assistance for Grassroots Human Security Projects Scheme (จีจีพี)] สร้างอาคารหอพักโรงเรียนบ้านเลโคะ กำหนดส่งมอบ 7 ธันวาฯนี้
นางสาวเซนซุย น.ส.โมรียามา ผู้ประสานงานโครงการจีจีพี สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ แจ้งว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้การสนับสนุนโครงการก่อสร้างอาคารหอพักนักเรียนแก่โรงเรียนบ้านเลโคะ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยผ่านโครงการความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ [Grant Assistance for Grassroots Human Security Projects Scheme (จีจีพี)] เป็นมูลค่า 3,602,000 บาท
โดยมีกำหนดทำพิธีมอบอาคารดังกล่าว วันที่ 7 ธ.ค.54 ที่จะถึงนี้ โดยมี นายคะซุโอะ ชิบะตะ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ และ นายบำรุงศักดิ์ บูระสิทธิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเลโคะ ร่วมเป็นประธาน
สำหรับโรงเรียนบ้านเลโคะ เป็นโรงเรียนระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนต้น ตั้งอยู่ชายแดนใกล้สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ปัจจุบันมีนักเรียนกะเหรี่ยงโปว์ จำนวน 164 คน ซึ่งมีบ้านตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาที่มีระยะทางห่างจากโรงเรียน 5-23 กิโลเมตร ซึ่งมีความยากลำบากในการเดินทางไปโรงเรียนเนื่องจากสภาพถนนที่ไม่ดี จึงเป็นเหตุให้นักเรียนมัธยมต้นจำนวน 75 คนจากทั้งสิ้น 98 คน ต้องอาศัยอยู่ที่บ้านพักนักเรียนหลังปัจจุบัน และนักเรียนบางส่วนต้องอาศัยอยู่กับที่พักชั่วคราวในโรงเรียน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบ้านพักและที่พักชั่วคราวนั้น มีจำนวนนักเรียนอยู่อย่างแออัด และต้องนอนกับพื้นปราศจากชุดเครื่องนอนที่เพียงพอ บ่อยครั้งที่นักเรียนป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก ไข้มาลาเรีย เนื่องจากสภาพทรุดโทรมของอาคารและห้องน้ำที่ขาดสุขอนามัย จากเหตุผลทางเศรษฐกิจและอุปสรรคในการเดินทางมาเรียนเป็นเหตุให้เด็กนักเรียนเหล่านี้หยุดการเรียนไปในทุกๆ ปี
ดังนั้น เพื่อเป็นการเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียนในพื้นที่ดังกล่าว จึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ทางโรงเรียนจะต้องจัดหาอาคารหอพักนักเรียนหลังใหม่เพื่อให้มีการเป็นอยู่อาศัยที่ถูกสุขลักษณะและสภาพแวดล้อมทางการศึกษาที่ดี
ดังนั้น ทางรัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้มอบความช่วยเหลือ ตามคำขอจากโรงเรียนบ้านเลโคะ ในด้านงบประมาณการก่อสร้างอาคารหอพักสำหรับนักเรียนชายหนึ่งหลังและนักเรียนหญิงหนึ่งหลังพร้อมทั้งครุภัณฑ์จำเป็น โดยเป็นที่คาดหมายว่าการก่อสร้างหอพักหลังใหม่นี้คงจะมีส่วนช่วยให้เด็กนักเรียนชนกลุ่มน้อยในพื้นที่ชายแดนเหล่านี้ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มมากขึ้นตลอดยังเป็นการส่งเสริมการพัฒนาให้แก่ชุมชนแห่งนี้ในต่อไป
นางสาวเซนซุย น.ส.โมรียามา ผู้ประสานงานโครงการจีจีพี สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ แจ้งว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้การสนับสนุนโครงการก่อสร้างอาคารหอพักนักเรียนแก่โรงเรียนบ้านเลโคะ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยผ่านโครงการความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ [Grant Assistance for Grassroots Human Security Projects Scheme (จีจีพี)] เป็นมูลค่า 3,602,000 บาท
โดยมีกำหนดทำพิธีมอบอาคารดังกล่าว วันที่ 7 ธ.ค.54 ที่จะถึงนี้ โดยมี นายคะซุโอะ ชิบะตะ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ และ นายบำรุงศักดิ์ บูระสิทธิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเลโคะ ร่วมเป็นประธาน
สำหรับโรงเรียนบ้านเลโคะ เป็นโรงเรียนระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนต้น ตั้งอยู่ชายแดนใกล้สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ปัจจุบันมีนักเรียนกะเหรี่ยงโปว์ จำนวน 164 คน ซึ่งมีบ้านตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาที่มีระยะทางห่างจากโรงเรียน 5-23 กิโลเมตร ซึ่งมีความยากลำบากในการเดินทางไปโรงเรียนเนื่องจากสภาพถนนที่ไม่ดี จึงเป็นเหตุให้นักเรียนมัธยมต้นจำนวน 75 คนจากทั้งสิ้น 98 คน ต้องอาศัยอยู่ที่บ้านพักนักเรียนหลังปัจจุบัน และนักเรียนบางส่วนต้องอาศัยอยู่กับที่พักชั่วคราวในโรงเรียน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบ้านพักและที่พักชั่วคราวนั้น มีจำนวนนักเรียนอยู่อย่างแออัด และต้องนอนกับพื้นปราศจากชุดเครื่องนอนที่เพียงพอ บ่อยครั้งที่นักเรียนป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก ไข้มาลาเรีย เนื่องจากสภาพทรุดโทรมของอาคารและห้องน้ำที่ขาดสุขอนามัย จากเหตุผลทางเศรษฐกิจและอุปสรรคในการเดินทางมาเรียนเป็นเหตุให้เด็กนักเรียนเหล่านี้หยุดการเรียนไปในทุกๆ ปี
ดังนั้น เพื่อเป็นการเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียนในพื้นที่ดังกล่าว จึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ทางโรงเรียนจะต้องจัดหาอาคารหอพักนักเรียนหลังใหม่เพื่อให้มีการเป็นอยู่อาศัยที่ถูกสุขลักษณะและสภาพแวดล้อมทางการศึกษาที่ดี
ดังนั้น ทางรัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้มอบความช่วยเหลือ ตามคำขอจากโรงเรียนบ้านเลโคะ ในด้านงบประมาณการก่อสร้างอาคารหอพักสำหรับนักเรียนชายหนึ่งหลังและนักเรียนหญิงหนึ่งหลังพร้อมทั้งครุภัณฑ์จำเป็น โดยเป็นที่คาดหมายว่าการก่อสร้างหอพักหลังใหม่นี้คงจะมีส่วนช่วยให้เด็กนักเรียนชนกลุ่มน้อยในพื้นที่ชายแดนเหล่านี้ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มมากขึ้นตลอดยังเป็นการส่งเสริมการพัฒนาให้แก่ชุมชนแห่งนี้ในต่อไป
