xs
xsm
sm
md
lg

ยิ่งกว่าเละข้อมูลมวลน้ำนครปฐมไม่นิ่ง ชาวบ้านบอกงง ทำตัวไม่ถูก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครปฐม - ชาวบ้านสุดสับสน ตกลงมวลน้ำก้อนใหญ่ผ่านเมืองเจดีย์ใหญ่หมดหรือไม่ หน่วยงานราชการให้ข้อมูลไม่ตรงกัน ชาวบ้านเตรียมหนีน้ำแต่ข้อมูลไม่ชัดเจน สุดท้ายหาคำตอบไม่เจอ เพราะทำงานไม่บูรณาการ แถมข้อมูลไปคนละทิศ วอนจังหวัดแถลงข่าวที่ชัดเจนผ่านสื่อเพื่อความเข้าใจตรงกัน

วันนี้ (4 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับระดับน้ำที่ท่วมในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งสถานการณ์เริ่มดูเหมือนประชาชนจะเริ่มเกิดความสับสนมากขึ้นเนื่องจากมีกระแสข่าวที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับมวลน้ำที่กำลังจะมาถึงจังหวัดนครปฐม ว่า เป็นส่วนของหัวน้ำหรือมวลน้ำกันแน่ เพราะการชี้แจงการทำงานของแต่ละฝ่ายไม่ชัดเจนและทำให้ประชาชนเกิดความเครียดเพราะไม่รู้ชะตากรรม

จากการลงพื้นที่ตรวจสอบในตำบลลานตากฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ได้อพยพออกจากหมู่บ้านพฤกษา 4 และพฤกษา 8 เพราะระดับน้ำในหมู่บ้านสูงถึงระดับอกทำหลายครอบครัวไม่สามารถทนอยู่ได้ และต้องย้ายพื้นที่ แต่ก็ยังมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่ยังปักหลักอาศัยอยู่ในบ้านเรือนของตัวเอง ซึ่งทางผู้นำชุมชนได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานต่างๆ ให้นำอาหารพร้อมถุงยังชีพไปแจกให้ถึงบ้านเรือน

โดยพบว่าส่วนใหญ่เป็นบ้านเรือนของประชาชนที่ค่อยข้างมีฐานะ เพราะเป็นบ้านหรูหลายหลัง โดยตอนนี้ยังต้องการความช่วยเหลือเรื่องเครื่องยังชีพอย่างต่อเนื่อง และต้องการยาสามัญประจำบ้าน รวมถึงยาป้องกันน้ำกัดเท่าเนื่องจากบ้านบางแห่งเริ่มเน่าเหม็นและมีกลิ่น ทำให้ความเป็นอยู่ลำบากทั้ง 2 หมู่บ้านมีคนอาศัยอยู่รวมกว่า 400 ครอบครัว ที่ยังปักหลักแต่กว่า 3 พันคนได้โยกย้ายไปหมดแล้ว

หลังจากน้ำท่วม พล.ต.ต.ณรงค์ ศิวาพาณิชย์ และ พล.ต.ต.สุชีพ หนูนาง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครชัยศรี และกำลังที่สนับสนุนจากหน่วยต่าง ๆ ลงพื้นที่เพื่อแจกจ่ายถุงยังชีพให้กับชาวบ้าน และพบว่าบ้านหลายหลังมีร่องรอยการงัดแงะของขโมยทรัพย์สินออกไป จึงได้สั่งการให้เร่งป้องกันการเข้ามาฉวยโอกาสของคนร้ายที่จะมาก่อเหตุยามค่ำคืน

พ.ต.ท.ไชยศ มุกดาหาร รอง ผกก.ป.สภ.นครชัยศรี เปิดเผยว่า บ้านเรือนที่ถูกงัดแงะไปนั้นจะเป็นบ้านที่ถูกคนร้ายอาศัยช่วงชุนมุน ในการขนย้ายอพยพประชาชนในช่วงกลางคืน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดชุดเวรยามเข้าตรวจสอบตลอดเวลา และตรวจสอบความเคลื่อนไหวของผู้คนที่จะเข้าออกในช่วงนี้เป็นพิเศษ ทั้งนี้ ได้ตรวจสอบบ้านเรือนที่มีประชาชนอยู่ว่าอยู่ในซอยใดหลังใดบ้าง หากมีเหตุด่วนจะได้เข้าพื้นที่ได้ทัน แต่เป็นด้วยความยากลำบากเพราะทางเข้าเต็มไปด้วยผืนน้ำ ซึ่งต้องอาศัยคนรู้พื้นที่นำเข้า เพราะอาจจะมีอุบัติได้ แต่ตำรวจก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

ที่ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน พบว่า ประชาชนเดือดร้อนไม่น้อยมีการอพยพออกนอกพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากอยู่ติดกับถนนบรมราชชนนี ที่มีการปิดถนนไปแล้ว โดยหลายหลังมีระดับน้ำท่วมหลังคา ซึ่งชาวบ้านหลายคนบอกว่า การรับความช่วยเหลือไม่ชัดเจน เพราะในพื้นที่อยู่ติดกับแม่น้ำท่าจีน และน้ำในแม่น้ำก็มีระดับต่ำกว่าชุมชน แต่ติดตรงที่บ้านเรือนที่อยู่ริมน้ำนั้นนำกระสอบทรายมาปิดกั้นทำให้น้ำในชุมชนไม่สามารถระบายลงไปในแม่น้ำท่าจีนได้

และชาวบ้านได้เกิดความสงสัยว่าเครื่องสูบน้ำที่มีอยู่ในตำบลบางเตย เหตุใดจึงไม่ทำการสูบน้ำในชุมชนลงแม่น้ำท่าจีน ก็ได้รับตำตอบว่า ไม่มีงบประมาณและไม่ได้รับงบประมาณจากภาครัฐ หากจะสูบต้องรวบรวมเงินของภาคประชาชนกันเองมาเป็นค่าน้ำมันสำหรับเครื่องจักร โดยเจ้าหน้าที่บางคนยังบอกกลับมาว่า สูบไปก็เท่านั้น เพราะน้ำก็วนกลับมาที่เดิม แต่ชาวบ้านส่วนหนึ่งมองว่า การสูบน้ำนั้นแม้จะวนอยู่ในชุมชนแต่เป็นการแร่งผลักดันน้ำลงแม่น้ำท่าจีนไปโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้ที่คลองบางเตย และคลองสามบาท มีเครื่องสูบน้ำอยู่แห่งละ 2 เครื่อง คลองสวนฝ้ายมีเครื่องสูบน้ำ 4 เครื่อง คลองนาติดกับวัดดอนหวาย มีเครื่องสูบน้ำ 2 เครื่อง รวมถึงคลองบางกระทึก ที่ติดกับพุทธมณฑล สาย 4 ที่กำลังมีน้ำท่วมขังก็มีเครื่องสูบน้ำอยู่ครบ แต่ไม่มีการเดินเครื่องสูบแต่อย่างใด

นอกจากนี้ เรื่องยาป้องกันน้ำกัดเท้าก็มีปัญหา เนื่องจากได้สอบถามไปยัง อบต.แต่ก็ได้รับคำตอบว่า ของมีน้อย จึงนำมาแบ่งกันและรอหน่วยแพทย์มาบริการ แต่เมื่อหน่วยแพทย์เดินทางมาถึงและตรวจสุขภาพจึงได้มีการร้องขอยาป้องกันน้ำกัดเท้าไป แต่ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มี ทำให้ชาวบ้านยิ่งเกิดความสับสน โดยส่วนที่อยากรู้ที่สุด คือ ระดับน้ำที่สูงขึ้นนั้นจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงแต่ยังไม่สามารถสอบถามใครได้

ชาวนครปฐมมึนหน่วยงานรัฐ
ให้ข้อมูลน้ำไม่ตรงกัน

ส่วนในเขตอำเภอเมืองนครปฐม ที่ตำบลทุ่งน้อย และตำบลสามความเผือก มีน้ำเอ่อขึ้นจากคลองเจดีย์บูชาและยังพบว่าที่ตำบลธรรมศาลา ก็มีความเปลี่ยนแปลงมา 2 สัปดาห์ เนื่องจากน้ำที่ระบายจากเขตเทศบาลนครนครปฐมและมีประตูน้ำปิดกันก็มีกระแสน้ำไหลทวนกลับเข้าตัวเมือง แต่ได้มีการปิดประตูน้ำเอาไว้แล้วโดยการตรวจสอบประตูน้ำที่อำเภอนครชัยศรี พบว่าระดับน้ำในแม่น้ำท่าจีนนั้นอยู่สูงกว่าประตูน้ำ 11 เซนติเมตร

โดยมีชาวบ้านในเขตเทศบาลนครนครปฐม มีความกังวลว่า ระดับน้ำจะเอ่อท่วมเข้าตัวเมืองหรือไม่ เพราะยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนออกมาถึงสถานการณ์และจากการตรวจสอบพบว่า ในคลองบึงกุ่ม บึงบางช้าง ได้มีการผันน้ำออกจากคลองเจดีย์บูชา ออกอยู่ตลอดเวลา โดยได้มีการนำเครื่องสูบน้ำผลักดันไปสู่จังหวัดสมุทรสาคร อย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้มีการเปิดทางน้ำให้ไหลสะดวกมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้ ระดับน้ำนั้นเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่าตกลงน้ำที่ท่วมขังในจังหวัดนครปฐม เป็นหัวน้ำหรือตัวก่อนน้ำที่กำลังผ่านไปเพราะมีหลายกระแส โดยบางหน่วยงานบอกว่า น้ำบริเวณรอบเขตเมืองนครปฐมนั้นมีอยู่ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร และกำลังจะเดินทางมาถึงที่แม่น้ำท่าจีนอีก 2 ล้านลูกบาศก์เมตร หากจะท่วมเข้าตัวเมืองก็จะมีความสูงไม่เกิน 30 เซนติเมตร

ส่วนทางชลประทานมีข้อมูล บอกว่า น้ำได้ผ่านพื้นที่จังหวัดนครปฐมไปที่กระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร แล้ว หากมีการย้อนกลับก็จะมีความสูงไม่เกิน 10 เซนติเมตร ทำให้ข้อมูลที่ออกมาไม่ตรงกันและชัดเจนโดยตัวชีวัดแห่งหนึ่ง คือ ที่อำเภอบางเลน ที่ระดับน้ำทรงตัวไม่สูงขึ้นและบางวันก็ลดลง 1 เซนติเมตร ซึ่งชาวบ้านก็ไม่วางใจและสงสัยว่าเหตุใดน้ำถึงได้ลดระดับลงทั้งๆ ที่ได้มีการบอกว่ามวลน้ำยังมาไม่ถึง

เรื่องดังกล่าวประชาชนได้แจ้งผ่านสื่อว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบควรจะมีการแถลงที่ชัดเจนทุกวันที่ตรงกัน ไม่ใช่ทำงานประชุมแต่ไม่มีการแจ้งข่าวสารที่เป็นข้อมูลที่แท้จริงทันสถานการณ์ เพราะยังทราบว่าบางหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ โดยตรงไม่ค่อยลงพื้นที่เท่าที่ควร หรือให้ข้อมูลที่ชัดเจน และควรมีการทำงานบูรณาการกันแบบเป็นรูปธรรม ไม่ใช่เป็นเอกสารให้อ่าน ซึ่งไม่มีประโยชน์กับชาวบ้าน

ส่วนที่วิทยาลัยเทคนิคนครปฐม นายนิมิต จันทน์วิมล รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นายอเนก บุญหนุน รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วย พลตรี บุญสันติ แสนสวัสดิ์ เจ้ากรมการสัตว์ทหารบก และ พันเอกมนตรี ช้างพลายแก้ว รองผู้บัญชาการ กองพลทหารราบที่ 9 ร่วมเป็นประธานเปิดโรงครัวพระราชทานในนามมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ร่วมกับกลุ่มบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ เพื่อทำการปรุงอาหารสดทุกวันๆ ละ 5,000-10,000 กล่อง เพื่อออกแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกพื้นที่ของจังหวัดนครปฐม

โดยเริ่มดำเนินการจัดตั้งโรงครัวพระราชทานในจังหวัดนครปฐมเป็นแห่งแรก ซึ่งจะใช้พื้นที่บริเวณวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม เป็นศูนย์กลางการดำเนินการปรุงอาหารสดและเป็นจุดหลักในการกระจายอาหารแจกจ่าย ไปยังผู้ประสบภัยหลายแห่ง โดยมีกำลังพลจากกองพันทหารราบที่ 9เป็นผู้นำอาหารออกแจกจ่ายประชาชนผู้ประสบภัยทุกพื้นที่ของจังหวัดนครปฐมจนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะลดลง






กำลังโหลดความคิดเห็น