ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ตร.สั่งฟ้อง นายก อบต.ชุมแพ หลังร่วมกับพวกปลอมลายมือชื่อสมาชิก ทุจริตเงินกองทุนหมู่บ้าน ถอนเงินจากบัญชีกองทุนหมู่บ้านแห่ จำนวน 270,000 บาทแล้วเบียดบังเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตน ด้านผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อหา
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (2 พ.ย.) พ.ต.ท.กฤติเดช สุพรรณ์ พนักงานสอบสวน (สบ3) สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ได้นำตัวนายสัญญา บอมโคตร อายุ 60 ปี นายก อบต.ชุมแพ ในฐานะประธานกองทุนหมู่บ้านแห่ ต.ชุมแพ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น นางเดือนงาม นาคนชม อายุ 43 ปี เหรัญญิก และ นางวรรณิภา เจริญถิ่น อายุ 47 ปี ผู้ช่วยเหรัญญิก ที่ตกเป็นผู้ต้องหา หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันยักยอกและร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม
โดยร่วมกันลงลายมือชื่อถอนเงินจากบัญชีกองทุนหมู่บ้านแห่ จำนวน 270,000 บาทแล้วเบียดบังเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตนและได้ร่วมกันปลอมลายมือชื่อนายสมยศ โจภูเขียว โดยผู้เสียหายพร้อมสมาชิกบางส่วนได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 16 พ.ค.54 ที่ผ่านมา ในสัญญากู้ยืมเงินกองทุนหมู่บ้าน
หลังพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนคดีรวมทั้งพยานและหลักฐาน โดยเฉพาะเอกสารที่ผู้เสียหายอ้างการปลอมแปลงลายมือชื่อ ส่งตรวจกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ผลปรากฏว่า มีการปลอมแปลงลายมือชื่อจริง พนักงานสอบสวนจึงมีความเห็น สั่งฟ้อง ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมนำสำนวนการสอบสวนส่งพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น เพื่อฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลจังหวัดขอนแก่นต่อไป ท่ามกลางกลุ่มชาวบ้านที่ทราบข่าวมาดักรอดูเหตุการณ์ที่หน้า สภ.ชุมแพ แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมมาที่โรงพักพร้อมกับหลบหนีผู้สื่อข่าวขึ้นรถของ อบต.ชุมแพ ไปที่อัยการจังหวัดเอง
นายสมยศ โจภูเขียว อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 103 หมู่ 1 บ้านแห่ ต.ชุมแพ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น สมาชิกกองทุนหมู่บ้านแห่ ผู้เสียหาย ให้การว่า ตนพร้อมด้วยสมาชิกกองทุนหมู่บ้านแห่จำนวนหนึ่งได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวันที่ 16 พ.ค.54 ให้ดำเนินคดีกับนายสัญญา บอมโคตร นายก อบต.ชุมแพ ในฐานะเป็นประธานกรรมการกองทุนบ้านแห่ ในข้อหาละเมิดสิทธินำรายชื่อพวกตนเข้ากู้ยืมเงินสัจจะหมู่บ้านและปลอมลายมือชื่อสมาชิก หลังพบความไม่โปร่งใสของการใช้สิทธิกู้ยืมเงินกองทุนหมู่บ้าน เงินฉุกเฉิน และเงินสัจจะ
จึงได้ทำการตรวจสอบหนังสือและเอกสารบางส่วนจากทางกองทุน พบว่า เอกสารรายชื่อผู้กู้ยืมและรายละเอียดการชำระดอกเบี้ยของผู้กู้ยืมนั้นไม่ตรงกับความเป็นจริง และยังตรวจสอบรายชื่อพบอีกว่าคณะกรรมการรายหนึ่งจะมีวงเงินการกู้ยืมเงินต้นสูง แต่ชำระดอกเบี้ยต่ำกว่าความเป็นจริง
นอกจากนี้ ทางรัฐบาลได้โอนเงินกองทุนหมู่บ้านเพิ่มเติมระยะที่ 2 จำนวน 200,000 บาทเข้าบัญชีกองทุนหมู่บ้านเมื่อเดือนมีนาคม 2553 แต่ประธานและคณะกรรมการไม่ได้แจ้งให้สมาชิกทราบ และไม่ได้นำเงินดังกล่าวมาให้สมาชิกได้กู้ยืมและพบว่าคณะกรรมการได้เบิกเงินส่วนนี้ ไปใช้ส่วนตัว จึงทำให้สมาชิกกองทุนทั้งหมดเสียประโยชน์ในการกู้ยืมเงิน
และในสัญญากู้ยืมเงินกองทุนหมู่บ้านแห่ พบว่ารายชื่อของตนถูกปลอมขึ้นมาทำเรื่องกู้ยืมเงินโดยที่ตนไม่ได้มีส่วนได้เสียหรือรู้เห็นการกู้ยืมเงินจำนวนดังกล่าว ตนจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับคณะกรรมการชุดนี้ และเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าตนไม่ได้กู้ยืมเงินดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายสัญญา บอมโคตร นายก อบต.ชุมแพ ในฐานะประธานกองทุนหมู่บ้านแห่ ให้การปฏิเสธในชั้นพนักงานสอบสวนทุกข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าไม่ได้ยักยอกเงินกองทุนและไม่ได้ปลอมลายมือชื่อตามที่ถูกกล่าวหา
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (2 พ.ย.) พ.ต.ท.กฤติเดช สุพรรณ์ พนักงานสอบสวน (สบ3) สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ได้นำตัวนายสัญญา บอมโคตร อายุ 60 ปี นายก อบต.ชุมแพ ในฐานะประธานกองทุนหมู่บ้านแห่ ต.ชุมแพ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น นางเดือนงาม นาคนชม อายุ 43 ปี เหรัญญิก และ นางวรรณิภา เจริญถิ่น อายุ 47 ปี ผู้ช่วยเหรัญญิก ที่ตกเป็นผู้ต้องหา หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันยักยอกและร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม
โดยร่วมกันลงลายมือชื่อถอนเงินจากบัญชีกองทุนหมู่บ้านแห่ จำนวน 270,000 บาทแล้วเบียดบังเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตนและได้ร่วมกันปลอมลายมือชื่อนายสมยศ โจภูเขียว โดยผู้เสียหายพร้อมสมาชิกบางส่วนได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 16 พ.ค.54 ที่ผ่านมา ในสัญญากู้ยืมเงินกองทุนหมู่บ้าน
หลังพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนคดีรวมทั้งพยานและหลักฐาน โดยเฉพาะเอกสารที่ผู้เสียหายอ้างการปลอมแปลงลายมือชื่อ ส่งตรวจกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ผลปรากฏว่า มีการปลอมแปลงลายมือชื่อจริง พนักงานสอบสวนจึงมีความเห็น สั่งฟ้อง ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมนำสำนวนการสอบสวนส่งพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น เพื่อฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลจังหวัดขอนแก่นต่อไป ท่ามกลางกลุ่มชาวบ้านที่ทราบข่าวมาดักรอดูเหตุการณ์ที่หน้า สภ.ชุมแพ แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมมาที่โรงพักพร้อมกับหลบหนีผู้สื่อข่าวขึ้นรถของ อบต.ชุมแพ ไปที่อัยการจังหวัดเอง
นายสมยศ โจภูเขียว อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 103 หมู่ 1 บ้านแห่ ต.ชุมแพ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น สมาชิกกองทุนหมู่บ้านแห่ ผู้เสียหาย ให้การว่า ตนพร้อมด้วยสมาชิกกองทุนหมู่บ้านแห่จำนวนหนึ่งได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวันที่ 16 พ.ค.54 ให้ดำเนินคดีกับนายสัญญา บอมโคตร นายก อบต.ชุมแพ ในฐานะเป็นประธานกรรมการกองทุนบ้านแห่ ในข้อหาละเมิดสิทธินำรายชื่อพวกตนเข้ากู้ยืมเงินสัจจะหมู่บ้านและปลอมลายมือชื่อสมาชิก หลังพบความไม่โปร่งใสของการใช้สิทธิกู้ยืมเงินกองทุนหมู่บ้าน เงินฉุกเฉิน และเงินสัจจะ
จึงได้ทำการตรวจสอบหนังสือและเอกสารบางส่วนจากทางกองทุน พบว่า เอกสารรายชื่อผู้กู้ยืมและรายละเอียดการชำระดอกเบี้ยของผู้กู้ยืมนั้นไม่ตรงกับความเป็นจริง และยังตรวจสอบรายชื่อพบอีกว่าคณะกรรมการรายหนึ่งจะมีวงเงินการกู้ยืมเงินต้นสูง แต่ชำระดอกเบี้ยต่ำกว่าความเป็นจริง
นอกจากนี้ ทางรัฐบาลได้โอนเงินกองทุนหมู่บ้านเพิ่มเติมระยะที่ 2 จำนวน 200,000 บาทเข้าบัญชีกองทุนหมู่บ้านเมื่อเดือนมีนาคม 2553 แต่ประธานและคณะกรรมการไม่ได้แจ้งให้สมาชิกทราบ และไม่ได้นำเงินดังกล่าวมาให้สมาชิกได้กู้ยืมและพบว่าคณะกรรมการได้เบิกเงินส่วนนี้ ไปใช้ส่วนตัว จึงทำให้สมาชิกกองทุนทั้งหมดเสียประโยชน์ในการกู้ยืมเงิน
และในสัญญากู้ยืมเงินกองทุนหมู่บ้านแห่ พบว่ารายชื่อของตนถูกปลอมขึ้นมาทำเรื่องกู้ยืมเงินโดยที่ตนไม่ได้มีส่วนได้เสียหรือรู้เห็นการกู้ยืมเงินจำนวนดังกล่าว ตนจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับคณะกรรมการชุดนี้ และเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าตนไม่ได้กู้ยืมเงินดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายสัญญา บอมโคตร นายก อบต.ชุมแพ ในฐานะประธานกองทุนหมู่บ้านแห่ ให้การปฏิเสธในชั้นพนักงานสอบสวนทุกข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าไม่ได้ยักยอกเงินกองทุนและไม่ได้ปลอมลายมือชื่อตามที่ถูกกล่าวหา