ฉะเชิงเทรา-เกษตรกรแปดริ้ว ครวญหลังพืชผลทางการเกษตร เสียหายยับ หลังถูกน้ำท่วมขังจนยืนต้นตาย ชี้ภาครัฐยังนิ่ง ไม่จ่าย ไม่ชดเชย และไม่ชัดเจนในการเยียวยา ทั้งที่พื้นที่เป็นจุดรองรับการระบายน้ำ
วันนี้( 27 ต.ค.54 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณพื้นที่รองรับการระบายน้ำ เลียบถนนคันคลองชลประทานบางขนาก-ท่าไข่ ในเขตพื้นที่ อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ที่ขับรถสัญจรผ่านไปมาได้เริ่มสังเกตเห็นความเสียหายต่อพื้นที่เกษตรกรรมได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นแล้ว หลังพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้าน ที่อยู่ในแนวของการระบายน้ำ จากทางภาคเหนือ และกรุงเทพมหานคร รวมถึงน้ำจากทางตอนบนของลุ่มน้ำบางปะกง ได้เริ่มยืนต้นตายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสวนกล้วยน้ำหว้า สวนมะพร้าว สวนมะม่วง และนาข้าวของชาวนาได้เริ่มเหี่ยวเฉาแห้งตายทั้งยืนเกือบทั้งหมดแล้วหลังจากต้องถูกน้ำท่วมโคน และรากมานานกว่า 2 เดือนเศษที่ผ่านมาขณะที่เกษตรกรนั้นไม่สามารถที่จะทำการแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเองเนื่องจากน้ำที่ระบายมามีปริมาณมากจากการถูกเลือกให้เป็นพื้นที่ในการรองรับการระบายน้ำจากรอบด้าน
นายจำลอง วรรณศิริ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43/3 ม.2 ต.คลองเขื่อนอ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้ซึ่งนำโดยนายกฯ หญิง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" เคยรับปากที่จะช่วยเหลือในการจ่ายค่าชดเชย ต่างๆให้แก่เกษตรกรที่ถูกน้ำท่วมในราคาไร่ละ 2,222 บาท แต่มาจนถึงขณะนี้ก็ยังเงียบหาย ทั้งที่มีการสำรวจความเสียหายไปนานแล้ว จนชาวบ้านแทบไม่มีอะไรจะกินจะใช้กันอยู่แล้ว ขณะนี้ต้องอาศัยเพียงข้าวจากถุงยังชีพที่ถูกขนนำมาแจกช่วยน้ำท่วมประทังชีวิตไปวันๆ เท่านั้น
สำหรับค่าชดเชย และส่วนต่างที่รัฐบาลจะจ่ายให้นั้น ไม่ได้เหมาะสมกับมูลค่าของความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่เกษตรกรก็ตาม แต่เกษตรกรก็ยังอยากได้เงินส่วนนี้ให้เร็วขึ้นด้วยเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ความเดือดร้อนที่กำลังได้รับอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเมื่อตอนหาเสียง ทางรัฐบาลชุดนี้ ได้หว่านนโยบายว่าจะให้บัตรเครดิตแก่เกษตรกรวงเงินคนละ 8 หมื่นบาท โดยวันนี้ตนทำนา 20 ไร่ เกี่ยวข้าวหนีน้ำได้แค่ 4 เกวียนขายข้าวได้เกวียนละ 6,500 บาท แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปใช้คืน ที่สำคัญจะเอาดอกเบี้ยที่ไหนไปจ่ายให้ จึงอยากฝากไปถึงนายกฯ "ยิ่งลักษณ์" ด้วยว่าข้าวของเกษตรกรที่ถูกน้ำจากรัฐบาลปล่อยออกมาท่วมเสียหายไปหมดแล้วนั้นรัฐบาลต้องรับผิดชอบ เพราะไม่มีใครจะช่วยได้นอกจากรัฐบาลเท่านั้น
