กาฬสินธุ์- สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ นำศิลปินพื้นบ้านหมอลำ หมอแคนเปิดเวทีโชว์การแสดง หวังลดภาวะและผ่อนคลายความเครียดให้กับประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมระดมทีมแพทย์ พยาบาลลงพื้นที่ตรวจสุขภาพ เพื่อเฝ้าระวังโรคที่มากับน้ำท่วม
วันนี้ (27 ต.ค.) ที่วัดบ้านท่ากลาง ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ นายนิพนธ์ ศรีธเรศ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 5 นายแพทย์ พิสิทธิ์ เอื้อวงศ์กูล นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ นายแพทย์ สุพัฒน์ ธาตุเพชร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอำเภอกมลาไสย พร้อมด้วยแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่สัมพันธ์สำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ นำศิลปินพื้นบ้าน หมอลำ หมอแคนเปิดเวทีโชว์การแสดงให้กับชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมบ้านและไร่นาในบ้านท่ากลาง บ้านท่าสามัคคี และบ้านแจ้งจม ต.เจ้าท่า
ทั้งนี้ เพื่อลดภาวะและผ่อนคลายความเครียดกับสถานการณ์น้ำท่วมมานานหลายสัปดาห์ พร้อมกับเข้าตรวจสุขภาพเฝ้าระวังโรคและนำยาสามัญประจำบ้านจำนวน 100 ชุดไปมอบให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งได้รับความสนใจและทำให้ชาวบ้านลดภาวะความเครียดได้เป็นอย่างดี
นายแพทย์ พิสิทธิ์ เอื้อวงศ์กูล นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมบ้านและไร่นาของประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่ อ.กมลาไสย และ อ.ฆ้องชัย ซึ่งยาวนานกว่า 4 สัปดาห์แล้ว ส่งผลให้ชาวบ้านหลายรายมีอาการวิตกกังวล เกิดความเครียด นอนไม่หลับ ดังนั้นสำนักงานสาธารณสุขจ.กาฬสินธุ์จึงได้นำศิลปินพื้นบ้าน หมอลำและหมอแคนมาเปิดเวทีการแสดงให้กับพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมได้ผ่อนคลายและลดภาวะความเครียดกับสถานการณ์น้ำท่วมอยู่ขณะนี้
พร้อมกับนำทีมแพทย์ พยาบาลจิตเวช และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขลงพื้นที่ตรวจสุขภาพให้กับประชาชนในพื้นที่น้ำท่วม เพื่อป้องกันโรคที่มากับน้ำท่วม โดยเฉพาะโรคตาแดง โรคฉี่หนู เท้าเปื่อย โรคผิวหนัง และโรคอุจระร่วงอีกด้วย
สำหรับสถานการณ์โรคตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2554 ถึงปัจจุบันพบผู้ป่วยโรคที่มากับน้ำท่วม โดยเฉพาะโรคฉี่หนูแล้ว 181 ราย เสียชีวิต 5 ราย โรคอุจระร่วง 12,200 ราย และโรคตาแดงอีก 200 ราย ซึ่งเฉพาะพื้นที่น้ำท่วมใน อ.กมลาไสย และ อ.ฆ้องชัย มีผู้ป่วยโรคตาแดงมากถึง 100 ราย
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ทั้ง 2 อำเภอ ล่าสุดระดับน้ำยังทรงตัว พื้นที่นาข้าวและบ้านเรือนประชาชนยังคงถูกน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้าง ถนนสาย 214 กาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด ยังมีน้ำท่วมขังสูง แม้ทางนายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ได้สั่งให้เจาะพนังกั้นบริเวณ ต.ดงลิง อ.กมลาไสย เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่แม่น้ำปาวและไหลต่อไปยังแม่น้ำชีบริเวณอ.ร่องคำแล้วหลายจุด
แต่ระดับน้ำก็ยังทรงตัวอยู่ เนื่องจากปริมาณน้ำชียังไหลเข้ามาตรงจุดที่พนังกั้นแตกบริเวณหลักกม.ที่ 21-52 อย่างต่อเนื่อง แม้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนจะระดมกำลังซ่อมแซมเสร็จไปแล้ว 70 % แต่ยังเหลืออีก 3 จุดที่ยังซ่อมไม่เสร็จ เนื่องจากรอยแตกนั้นยาวกว่า 100 เมตร และมีความลึกถึง 3 เมตร จึงทำให้การซ่อมแซมเป็นไปด้วยความยากลำบาก