ชัยภูมิ - จังหวัดชัยภูมิร่วมกลุ่มจังหวัด “นครชัยบุรินทร์” จัดงาน “มหกรรมสินค้าสุดยอดผลิตภัณฑ์อีสานมาตรฐานโลกและไหมนครชัยบุรินทร์” หรือ “ชัยภูมิ Expo 2011” แสดงจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน 3-5 ดาว ผ้าไหมลายเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และส่งเสริมสร้างรายได้ สนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนให้เข้มแข็งและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (28 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ นายจรินทร์ จักกะพาก ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วยนายพงศธร สัจจชลพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ, นายสุริยน ภูมิรัตนะประพิณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ และผู้แทนสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดจังหวัด ได้ร่วมกันเปิดงาน “มหกรรมสินค้าสุดยอดผลิตภัณฑ์อีสานมาตรฐานโลกและไหมนครชัยบุรินทร์” ชัยภูมิ Expo 2011 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-31 ก.ค.นี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2554 และเป็นการส่งเสริมรายได้ให้กับชุมชนและสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนให้มีความเข้มแข็งและการเกิดพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
นายจรินทร์ จักพาก ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2554 จังหวัดชัยภูมิร่วมกับกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ ได้แก่จังหวัดนครราชสีมา, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์ และสุรินทร์ จัดงาน “มหกรรมสินค้าสุดยอดผลิตภัณฑ์อีสานมาตรฐานโลกและไหมนครชัยบุรินทร์” หรือชัยภูมิ Expo 2011 เพื่อแสดงและจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์คุณภาพดีเด่นระดับมาตรฐานส่งออกต่างประเทศและสุดยอดผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือ OTOP ระดับ 3-5 ดาว และผ้าไหมลายเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นของแต่ละจังหวัด
โดยเฉพาะจังหวัดชัยภูมิ มีผ้าไหมลายหมี่ขั้นขอนารี ซึ่งเป็นลายผ้าโบราณของชัยภูมิ เป็นลายเอกลักษณ์ของจังหวัด พร้อมกันนี้ จังหวัดชัยภูมิจัดนิทรรศการผ้าไหม จัดการแสดงการเรียนรู้ขั้นตอนการผลิตตั้งแต่การเลี้ยงหนอนไหมจนเป็นผืนผ้าไหม, จัดแสดงลวดลายผ้าไหมโบราณที่หายาก นอกจากนี้ยังมีตลาดนัดพระเครื่อง การแสดงแบบแฟชั่นผ้าไหม การแสดงศิลปวัฒนธรรมจากศิลปินภาคอีสานและศิลปินพื้นบ้านหลากหลายสาขา
“การจัดงานครั้งนี้ได้มุ่งส่งเสริมและประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวจังหวัดชัยภูมิ วิถีชีวิต ตลอดจนศิลปวัฒนธรรม และเพิ่มช่องทางการตลาด สร้างรายได้แก่ชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจของพื้นที่ และประเทศ รวมทั้งส่งเสริมภูมิปัญหาท้องถิ่นให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดในประเทศและต่างประเทศได้อย่างยั่งยืน” นายจรินทร์กล่าว