พระนครศรีอยุธยา - ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกโรงแจงบริษัท CANNON ในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ไม่ได้เลิกจ้างพนักงาน 2,000 คนตามที่เป็นข่าวลือ เพียงแค่ย้ายพนักงานไปทำงานที่บริษัทอีกแห่งในนครราชสีมา ช่วงน้ำท่วมเท่านั้น ส่วนสถานการณ์น้ำยังวิกฤตอีกหลายพื้นที่สวนเฉลิมพระเกียรติฯ และเมืองจำลอง 16 อำเภอจมมิด
วันนี้ (26 ต.ค.) นายทศพล วังศิลาบัตร ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ล่าสุดมีข่าวออกมาแล้วว่า บริษัท แคนนอน จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ต.บ้านหว้า อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งถูกน้ำท่วมสูงกว่า 3 เมตร ประกาศเลิกจ้างพนักงาน 2,000 คนนั้น ตนเองได้ตรวจสอบข้อมูลกับผู้บริหารของบริษัท แคนนอน จำกัด แล้ว ได้ความว่า ข่าวดังกล่าวทางบริษัทไม่มีแผนที่จะปลดพนักงานในช่วงน้ำท่วม แต่พนักงานจำนวน 2,000 คนนั้น เป็นพนักงานที่ทางบริษัทเพิ่งจะรับเข้ามาทำงานยังไม่ถึง 4 เดือนและยังไม่ผ่านทดลองงานแต่อย่างใด ผู้บริหารบริษัทจึงยื่นข้อเสนอให้กับพนักงาน 2 ทาง คือ บริษัท แคนนอน จะย้ายพนักงาน 2,000 คนที่ยังไม่ผ่านการทดลองไปทำงานที่บริษัทอีกแห่งใน จ.นครราชสีมา โดยจะมีการจ้างงานและจ่ายเงินเดือนเช่นเดิม
แต่หากพนักงานรายใดไม่เดินทางไปทำงานที่ จ.นครราชสีมา ทางบริษัทก็พร้อมที่จะจ้างออกโดยจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ทางบริษัทมีสิทธิที่จะเลิกจ้างพนักงานที่ยังไม่ผ่านการทดลองงานทั้งหมดก็ได้ แต่ทางบริษัทเลือกที่จะให้โอกาสแก่พนักงานก่อน เพราะถือว่าทั้งพนักงานและสถานประกอบการได้รับความเดือดร้อน และความเสียหายจากน้ำท่วม ซึ่งพนักงานเองก็ควรที่จะเห็นใจสถานประกอบการด้วย เพราะต้องผลิตชิ้นส่วนส่งให้ลูกค้าต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา
ส่วนพนักงานอีกกว่า 8,000 คนของบริษัท แคนนอน จำกัด นั้นได้สอบถามกับผู้บริหารบริษัทแล้ว ยังไม่มีแผนที่จะปลดพนักงานแต่อย่างใด คงต้องรอให้น้ำลงและกู้นิคมอุตสาหกรรมได้ก่อน จึงจะเริ่มทยอยเปิดกิจการบางส่วนได้
นายทศพลกล่าวยอมรับว่า เป็นห่วงน้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลาง โดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งที่ยังไม่สามารถกู้ได้ทัน อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้บริหารหลายบริษัทตัดสินใจทำอย่างใดอย่างหนึ่ง กับภาระและความจำเป็นของบริษัทที่ไม่สามารถผลิตชิ้นงานได้ทันตามกำหนด ซึ่งอาจจะมีผลต่อลูกจ้างในสถานประกอบการ
เพราะฉะนั้น รัฐบาลต้องเร่งกูนิคมอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท่วมให้กลับมาโดยเร็ว จะได้ไม่ต้องเกิดปัญหาคนตกงาน ซึ่งนิคมอุตสาหกรรมของพระนครศรีอยุธยา มีพนักงานทำงานมากกว่า 400,000 คน
ด้าน นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดว่า แม้ว่าการระบายน้ำจากเขื่อนทางเหนือจะลดลงแต่น้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา ก็ยังคงมีปริมาณน้ำที่มากอยู่ ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมหลายครอบครัวต้องอพยพไปอยู่ที่อื่นชั่วคราวไม่สมารถอาศัยอยู่ภายในบ้านได้เพราะน้ำท่วมสูงจนมิดหลังคาบ้าน
ส่วนที่ยังพออาศัยอยู่ได้ก็ไม่สามารถดำรงชีพได้ตามปกติ อาหารที่เตรียมไว้เริ่มร่อยหรอ และไม่มีพาหนะในการเดินทางไปซื้ออีกอย่าง ไม่มีตลาดที่เป็นแหล่งซื้อขายเครื่องอุปโภคบริโภคได้ เพราะตลาดแต่ละแห่งถูกน้ำท่วมจนหมด ชาวบ้านหลายคนเริ่มมีอาการเครียด เพราะหลังน้ำลดแล้ว ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาซื้อของและซ่อมแซมบ้านเรือนได้
นายวิทยากล่าวต่ออีกว่า เสบียงอาหารชาวบ้านที่ไม่สามารถออกมาได้เริ่มทยอยหมด จึงต้องนั่งเรือนำข้าวของไปแจกจ่ายให้แก่ชาวบ้านถึงที่ เริ่มจากหมู่ 4-6 ต.หันตราก่อน อ.พระนครศรีอยุธยาก่อน
สวนเฉลิมพระเกียรติฯ
และเมืองจำลอง 16 อำเภอจมมิด
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้น้ำยังได้ทะลักเข้าท่วมสวนเฉลิมพระเกียรติฯอนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดีบนเนื้อที่ 200 ไร่ต้องจมบาดาล ระดับน้ำสูงถึง 4-6 เมตร
สำหรับศูนย์เฉลิมพระเกียรติทางจังหวัดได้จัดสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธันวาคมปีนี้ขณะนี้ได้สร้างเสร็จไปแล้วประมาณ 70% โดยภายในสวนเฉลิมพระเกียรตินี้ยังได้จัดเป็นเมืองจำลอง โดยได้ดึงเอาเอกลักษณ์สัญลักษณ์ของแต่ละอำเภอ ทั้ง 16 อำเภอมารวมไว้ที่นี่ พร้อมกับสร้างพระประจำวันของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ พระประจำวันจันทร์ความสูง 9 เมตร 84 ซม. ขณะนี้น้ำได้ท่วมภายในสวนเฉลิมพระเกียรติฯซึ่งมีเมืองจำลองของแต่ละอำเภอ ได้ถูกท่วมเหมือนที่น้ำท่วมจริงๆ ในตอนนี้
