จันทบุรี - รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นายแพทย์สาธารณสุข และคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดจันทบุรี เดินทางเข้าเยี่ยมผู้ป่วยหนักที่อพยพหนีน้ำท่วมออกมาจากโรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร หลังได้เข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี ขณะที่ทางจังหวัดจันทบุรีให้จิตอาสาเข้ามาดูแลผู้ป่วยหนักที่ไม่มีญาติมาดูแล
วันนี้ (23 ต.ค.) เวลา 10.00 น.ที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี นายเกรียงเดช เข็มทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นายแพทย์กฤษณ์ ปาลสุทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วยคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดจันทบุรี เดินทางเยี่ยมผู้ป่วยหนักที่หนีน้ำท่วมจากโรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี 17 ราย ที่มีการลำเลียงผู้ป่วยหนักด้วยเฮลิคอปเตอร์ ซี 130 มาจากสนามบินดอนเมือง ส่งต่อมาลงยังสนามบินอู่ตะเภา จังหวัดระยอง และขึ้นรถโรงพยาบาลต่อเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี เมื่อวานนี้ ซึ่งในเบื้องต้นผู้ป่วยหนักทั้ง 17 รายได้มาถึงมือแพทย์ได้อย่างปลอดภัย
ดังนั้น ในวันนี้ทางรองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี คณะกรรมการเหล่ากาชาด และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี จึงได้เข้าเยี่ยมผู้ป่วยหนักเพื่อให้กำลังใจ ตลอดจนเพื่อเข้าสอบถามญาติผู้ป่วยหนักว่ามีความต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือไหมอย่างไร และจะให้ทางจังหวัดช่วยเหลืออะไรเพิ่มเติมอีกหรือไหม ในเรื่องนี้ญาติผู้ป่วยได้พูดถึงการอำนวยความสะดวกและการดูแลของโรงพยาบาลพระปกเกล้าจันบุรีว่ามีการดูแลผู้ป่วยหนักได้เป็นอย่างดี ตลอดจนญาติผู้ป่วยด้วย
นอกจากนี้ โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรีแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ มีแพทย์ พยาบาล และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย ในการดูแลผู้ป่วยอย่างเพียงพอ แต่ปัญหาคือผู้ป่วยหนักที่ไม่มีญาติเข้ามาดูแลขอให้ทางจังหวัดได้ช่วยเหลือในเรื่องนี้ด้วย หลังจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีได้ทราบเรื่องได้ประสานให้ทางคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดจันทบุรีได้มีการจัดจิตอาสาเข้ามาดูแลผู้ป่วยหนักที่ไม่มีญาติเข้ามาดูแล โดยทางจังหวัดจะดำเนินการจ้างจิตอาสาและให้ค่าตอบแทนวันละ 300 บาท กับจิตอาสาที่เข้ามาดูแลผู้ป่วยหนักที่ไม่มีญาติต่อไป
นายแพทย์ กฤษณ์ ปาลสุทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดที่ลุ่มภาคกลางตอนล่างและปริมณฑล ทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนและหน่วยราชการ โดยเฉพาะหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ทำให้โรงพยาบาลต่างๆที่ยังไม่เกิดอุทกภัยต้องรับภาระในการให้การรักษาพยาบาลผู้ที่เจ็บป่วยหนักมากขึ้น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี ได้รับการประสานงานจากกระทรวงสาธารณสุขและสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ในการสนับสนุนหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย
ซึ่งทางจังหวัดจันทบุรี ได้ส่งหน่วยปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน จำนวน 7 ทีมปฏิบัติงานร่วมศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุข ที่สนามบินดอนเมือง นอกจากนี้ยังได้ส่งทีมกู้ชีพจากขลุงมูลนิธิไปช่วยเหลือเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา และส่งพอ.สว.จังหวัดจันทบุรี ไปร่วมกับทีมแพทย์มูลนิธิ พอ.สว.ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาลงภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่จังหวัดชัยนาท เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขและสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ยังประสานความร่วมมือมายังจังหวัดจันทบุรี ในการจัดสถานที่รองรับผู้ป่วยจากโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลที่ถูกส่งตัวมารักษาต่อ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2554 ได้รับผู้ป่วยส่งต่อมาจากโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า และโรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี จำนวน 9 ราย และเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2554 ได้ส่งทีมกู้ชีพฉุกเฉินจากโรงพยาบาลพระปกเกล้า ไปรับผู้ป่วยหนักที่สนามบินอู่ตะเภาอีก จำนวน 8 ราย รวมทั้งสิ้นมีผู้ป่วยหนักที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรีทั้งสิ้น 17 ราย
อย่างไรก็ตาม จังหวัดจันทบุรี มีความพร้อมในการรองรับผู้ป่วยที่อพยพมาจากพื้นที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม ซึ่งโรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรีเป็นโรงพยาบาลศูนย์ขนาด 755 เตียง มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย
นอกจากนี้ ยังได้เปิดตึกรองรับญาติผู้ป่วยให้มีที่พักพร้อมอาหารแบ่งเบาภาระผู้ประสบภัยน้ำท่วมอีกด้วย สำหรับญาติของผู้ป่วยที่ต้องการสอบถามข้อมูลสามารถติดต่อไปได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 039-324975 ถึง 84 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
วันนี้ (23 ต.ค.) เวลา 10.00 น.ที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี นายเกรียงเดช เข็มทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นายแพทย์กฤษณ์ ปาลสุทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วยคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดจันทบุรี เดินทางเยี่ยมผู้ป่วยหนักที่หนีน้ำท่วมจากโรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี 17 ราย ที่มีการลำเลียงผู้ป่วยหนักด้วยเฮลิคอปเตอร์ ซี 130 มาจากสนามบินดอนเมือง ส่งต่อมาลงยังสนามบินอู่ตะเภา จังหวัดระยอง และขึ้นรถโรงพยาบาลต่อเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี เมื่อวานนี้ ซึ่งในเบื้องต้นผู้ป่วยหนักทั้ง 17 รายได้มาถึงมือแพทย์ได้อย่างปลอดภัย
ดังนั้น ในวันนี้ทางรองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี คณะกรรมการเหล่ากาชาด และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี จึงได้เข้าเยี่ยมผู้ป่วยหนักเพื่อให้กำลังใจ ตลอดจนเพื่อเข้าสอบถามญาติผู้ป่วยหนักว่ามีความต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือไหมอย่างไร และจะให้ทางจังหวัดช่วยเหลืออะไรเพิ่มเติมอีกหรือไหม ในเรื่องนี้ญาติผู้ป่วยได้พูดถึงการอำนวยความสะดวกและการดูแลของโรงพยาบาลพระปกเกล้าจันบุรีว่ามีการดูแลผู้ป่วยหนักได้เป็นอย่างดี ตลอดจนญาติผู้ป่วยด้วย
นอกจากนี้ โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรีแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ มีแพทย์ พยาบาล และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย ในการดูแลผู้ป่วยอย่างเพียงพอ แต่ปัญหาคือผู้ป่วยหนักที่ไม่มีญาติเข้ามาดูแลขอให้ทางจังหวัดได้ช่วยเหลือในเรื่องนี้ด้วย หลังจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีได้ทราบเรื่องได้ประสานให้ทางคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดจันทบุรีได้มีการจัดจิตอาสาเข้ามาดูแลผู้ป่วยหนักที่ไม่มีญาติเข้ามาดูแล โดยทางจังหวัดจะดำเนินการจ้างจิตอาสาและให้ค่าตอบแทนวันละ 300 บาท กับจิตอาสาที่เข้ามาดูแลผู้ป่วยหนักที่ไม่มีญาติต่อไป
นายแพทย์ กฤษณ์ ปาลสุทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดที่ลุ่มภาคกลางตอนล่างและปริมณฑล ทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนและหน่วยราชการ โดยเฉพาะหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ทำให้โรงพยาบาลต่างๆที่ยังไม่เกิดอุทกภัยต้องรับภาระในการให้การรักษาพยาบาลผู้ที่เจ็บป่วยหนักมากขึ้น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี ได้รับการประสานงานจากกระทรวงสาธารณสุขและสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ในการสนับสนุนหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย
ซึ่งทางจังหวัดจันทบุรี ได้ส่งหน่วยปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน จำนวน 7 ทีมปฏิบัติงานร่วมศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุข ที่สนามบินดอนเมือง นอกจากนี้ยังได้ส่งทีมกู้ชีพจากขลุงมูลนิธิไปช่วยเหลือเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา และส่งพอ.สว.จังหวัดจันทบุรี ไปร่วมกับทีมแพทย์มูลนิธิ พอ.สว.ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาลงภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่จังหวัดชัยนาท เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขและสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ยังประสานความร่วมมือมายังจังหวัดจันทบุรี ในการจัดสถานที่รองรับผู้ป่วยจากโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลที่ถูกส่งตัวมารักษาต่อ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2554 ได้รับผู้ป่วยส่งต่อมาจากโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า และโรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี จำนวน 9 ราย และเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2554 ได้ส่งทีมกู้ชีพฉุกเฉินจากโรงพยาบาลพระปกเกล้า ไปรับผู้ป่วยหนักที่สนามบินอู่ตะเภาอีก จำนวน 8 ราย รวมทั้งสิ้นมีผู้ป่วยหนักที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรีทั้งสิ้น 17 ราย
อย่างไรก็ตาม จังหวัดจันทบุรี มีความพร้อมในการรองรับผู้ป่วยที่อพยพมาจากพื้นที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม ซึ่งโรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรีเป็นโรงพยาบาลศูนย์ขนาด 755 เตียง มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย
นอกจากนี้ ยังได้เปิดตึกรองรับญาติผู้ป่วยให้มีที่พักพร้อมอาหารแบ่งเบาภาระผู้ประสบภัยน้ำท่วมอีกด้วย สำหรับญาติของผู้ป่วยที่ต้องการสอบถามข้อมูลสามารถติดต่อไปได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 039-324975 ถึง 84 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
