พระนครศรีอยุธยา - น้ำท่วมอยุธยายังวิกฤตหนัก ระดมเสริมแนวคันดินและกระสอบทรายเพิ่มเพื่อป้อง 2 นิคมฯไฮเทคและบางปะอิน
วันนี้ (12 ต.ค.) สถานการณ์น้ำที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลมากกว่าปี 2538 ไหลเข้าท่วมบ้านเรือน วัด สถานที่สำคัญยังจมบาดาลทั้ง 16 อำเภอ ล่าสุด ปริมาณน้ำจากแม่น้ำป่าสัก ลพบุรี เจ้าพระยา เพิ่มสูงขึ้น 20-40 ซม.เพิ่มระดับน้ำที่ท่วมขังสองริมฝั่งแม่น้ำให้วิกฤตหนักท่วมสูง 2-8 เมตร อาทิ อ.ท่าเรือ อ.นครหลวง อ.บ้านแพรก อ.มหาราช อ.บางปะหัน อ.ผักไห่ อ.เสนา อ.บางบาล อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางปะอิน อ.บางไทร
สำหรับนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค (บ้านหว้า) ใช้รถแบ็กโฮขุดดินเป็นร่อง เพื่อเปิดทางให้น้ำไหลผ่านหน้านิคมฯแล้วเสริมคันดินด้านหลังนิคมฯ 7 เมตร ด้านหน้า 5 เมตร โรงงานปิดกิจการทั้งหมดแล้ว
ทางด้านนิคมฯบางปะอิน อ.บางปะอิน หลังจากที่น้ำทะลักเข้ามาจานิคมฯไฮเทค ไหลผ่านมาตามคลองจิกแล้วเข้าท่วมถนนสายอุดมสรยุทธตัดเอเชียทั้ง 2 เลนทั้งขาเข้าอำเภอบางปะอิน และออกไปกรุงเทพฯ ชาวบ้านเริ่มขนของหนีน้ำแล้ว
นางสาวลักขณา เมี้ยนกำเนิด ผู้อำนวยการการนิคมฯ บางปะอิน ได้เรียกประชุมเตรียมแผนรับมือน้ำท่วมไว้ 3 ขั้นตอน ขั้นแรกเสริมแนวกั้นเพิ่มด้านหน้านิคมฯ 5.85 เมตร และแจ้งผู้ประกอบการให้เตรียมขนย้ายสิ่งของรวมทั้งพนักงานออกจากพื้นที่ ขั้น 2 ปริมาณน้ำเพิ่มสูงให้หยุดการดำเนินกิจการทั้งหมด ขั้นที่ 3 ตัดระบบกระแสไฟฟ้าในโรงานทั้งหมด สำหรับพื้นที่ในนิคมฯบางปะอิน มีทั้งหมด1962 ไร่ 11 กิโลเมตร มีโรงงาน 90 โรงงาน อุตสาหกรรมขนาดใหญ่เป็นพวกชิ้นส่วนยานยนต์และอิเลกทรอนิกส์
ที่ อ.มหาราช พระภิกษุสงฆ์วัดมหาราชหน้าวัวใหม่ 4 รูป ได้ออกมาอาศัยอยู่ริมถนนสายโพธิ์พญา-ท่าเรือ ต.เจ้าปุก เนื่องจากน้ำท่วมขังสูง 30 ซม.พระต้องออกบิณฑบาตเดินลุยน้ำไปตามทาง และต้องนั่งฉันอาหารริมถนนท่ามกลางรถวิ่งผ่านไปมา น้ำยังสาดกระเด็นถูกพระสงฆ์เพราะวัดถูกน้ำท่วมหมด พระที่เหลือหนีไปจำวัดที่อื่น
โบราณสถานที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาวิกฤตสุดๆ แล้ว อาทิ วัดธรรมมาราม วัดไชยวัฒนาราม หมู่บ้านโปรตุเกส และโบราณสถานป้อมเพชร น้ำจากแม่น้ำป่าสัก และเจ้าพระยา ได้ขึ้นสูงมีระดับน้ำสูงกว่าตลิ่งประมาณ 2 เมตร ไหลเข้าท่วมโบราณสถานป้อมเพชรจนคันกระสอบทรายพังทลาย เจ้าหน้าที่เร่งกู้แล้ว
นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา เดินทางมาตรวจสอบโบราณสถานป้อมเพชร กล่าวว่า ช่วงนี้น้ำเหนือได้ไหลลงมาอย่างหนัก จึงได้สั่งให้ทุกภาคส่วนเตรียมรับมือโดยไม่ประมาทและได้ประสานกรมเจ้าท่าให้สั่งงดการเดินเรือทุกชนิดในแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะถึงจุดวิกฤตขณะนี้ระดับน้ำสูงเท่าขอบหน้าต่างชาวบ้าน ถ้าเรือวิ่งกระแสน้ำจะไปกระแทกบ้านเรือนประชาชน และที่สำคัญ ไปกระแทกพนังกั้นโบราณสถานและสถานที่สำคัญให้ขยับตัวเกรงว่าจะพังลงมา
สำหรับหน้าวัดไชยวัฒนาราม ระดับน้ำเหลืออีกเพียง 10 ซม.จะล้นกำแพง เจ้าหน้าที่ได้เร่งเสริมกระสอบทรายไว้สูง 20 ซม.แต่ก็ยังวิกฤตไม่อาจรับมือได้ ขณะเดียวกันยังมีน้ำรั่วซึมเข้ามาหลายจุดต้องสูบน้ำออกตลอดเวลาและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
“นอกจากนี้ น้ำจากเจ้าพระยา ยังได้ไหลทะลักเข้าคลองเมืองรอบเกาะอยุธยา ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ทางด้านพลับพลาตรีมุขติดคลองเมืองมีเจดีย์และโบราณสถานถูกน้ำท่วมขังเหมือนกันหมด”